คำอธิบายเพิ่มเติม
1 ยะโฮวา
ชื่อของพระเจ้าคือ ยะโฮวา ชื่อนี้มีความหมายว่า “พระองค์ทำให้เป็น” พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าผู้มีพลังอำนาจสูงสุดและเป็นผู้สร้างทุกสิ่ง พระองค์มีพลังอำนาจทำทุกอย่างได้ตามที่พระองค์ต้องการ
ในภาษาฮีบรู ชื่อของพระเจ้าเขียนด้วยอักษร 4 ตัว ซึ่งในภาษาไทยเขียนเป็นตัวอักษร ยฮวฮ ในข้อความต้นฉบับของคัมภีร์ไบเบิลภาคภาษาฮีบรูมีชื่อของพระเจ้าอยู่เกือบ 7,000 ครั้ง มีการออกเสียงชื่อยะโฮวาแตกต่างกันตามลักษณะของแต่ละภาษาที่ผู้คนใช้กัน
▸ บท 1 ข้อ 15, เชิงอรรถ
2 คัมภีร์ไบเบิลเป็นหนังสือที่ “พระเจ้าดลใจให้เขียนขึ้นมา”
เนื้อหาในคัมภีร์ไบเบิลมาจากพระเจ้า แต่พระองค์ใช้ให้มนุษย์เขียน นี่ก็เหมือนกับหัวหน้าคนหนึ่งที่สั่งลูกน้องให้เขียนจดหมาย เนื้อหาในจดหมายนั้นเป็นความคิดของหัวหน้าไม่ใช่ของลูกน้อง พระเจ้าใช้พลังบริสุทธิ์ของพระองค์ชี้นำคนที่เขียนคัมภีร์ไบเบิลในหลายวิธี บางครั้งก็ทำให้พวกเขาเห็นนิมิตหรือความฝัน เพื่อพวกเขาจะเขียนตามที่พระเจ้าต้องการให้เขียน
3 หลักการ
หลักการคือคำสอนในคัมภีร์ไบเบิลที่ช่วยให้ตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง เช่น หลักการที่ว่า “การคบคนไม่ดีทำให้นิสัยดี ๆ เสียไป” หลักการนี้สอนว่าคนที่เราเลือกคบมีอิทธิพลต่อตัวเราได้ทั้งในทางที่ดีและไม่ดี (1 โครินธ์ 15:33) และหลักการที่ว่า “ใครหว่านอะไรไปก็ต้องเก็บเกี่ยวผลจากสิ่งนั้น” สอนให้รู้ว่าเราต้องรับผลจากสิ่งที่เราทำ—กาลาเทีย 6:7
4 คำพยากรณ์
คำพยากรณ์คือข่าวสารจากพระเจ้า ซึ่งอาจเป็นการบอกให้รู้ความประสงค์ของพระเจ้า หรือบอกให้รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต หรืออาจเป็นคำสอน คำสั่ง หรือคำพิพากษาก็ได้ คัมภีร์ไบเบิลมีคำพยากรณ์มากมายที่เกิดขึ้นแล้ว
5 คำพยากรณ์เกี่ยวกับเมสสิยาห์
พระเยซูเป็นคนที่ทำให้คำพยากรณ์มากมายในคัมภีร์ไบเบิลที่เกี่ยวกับเมสสิยาห์เกิดขึ้นจริง ดูกรอบ “ คำพยากรณ์เกี่ยวกับเมสสิยาห์”
▸ บท 2 ข้อ 17, เชิงอรรถ
6 ความประสงค์ของพระยะโฮวาที่มีต่อโลก
พระยะโฮวาตั้งใจสร้างโลกให้เป็นสวนอุทยานเพื่อให้เป็นบ้านของทุกคนที่รักพระองค์ ความประสงค์ของพระองค์ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน อีกไม่นานพระเจ้าจะทำให้ความชั่วหมดไป และทำให้ประชาชนของพระองค์มีชีวิตตลอดไป
7 มารซาตาน
ซาตานเป็นทูตสวรรค์องค์แรกที่กบฏต่อพระเจ้า คำว่าซาตานหมายถึง “ผู้ต่อต้าน” มันได้ชื่อนี้เพราะมันต่อต้านพระยะโฮวา มันถูกเรียกว่ามารด้วย คำว่ามารในคัมภีร์ไบเบิลหมายถึง “ผู้หมิ่นประมาท” มันได้ชื่อนี้เพราะมันใส่ร้ายพระเจ้าและหลอกลวงมนุษย์
8 ทูตสวรรค์
พระยะโฮวาสร้างทูตสวรรค์นานก่อนที่จะสร้างโลก ทูตสวรรค์ถูกสร้างให้อยู่ในสวรรค์และมีมากกว่าร้อยล้านองค์ (ดาเนียล 7:10) ทูตสวรรค์ที่ซื่อสัตย์ภักดีต่อพระเจ้าไม่ยอมให้มนุษย์กราบไหว้นมัสการพวกเขา ทูตสวรรค์แต่ละองค์มีชื่อ มีบุคลิกและนิสัยไม่เหมือนกัน พวกเขามีตำแหน่งและหน้าที่แตกต่างกัน เช่น รับใช้หน้าบัลลังก์ของพระยะโฮวา เป็นผู้ส่งข่าว คุ้มครองและชี้นำผู้รับใช้ของพระเจ้าที่อยู่บนโลก ทำหน้าที่ลงโทษตามคำพิพากษาของพระเจ้า หรือสนับสนุนงานประกาศข่าวดี (สดุดี 34:7; วิวรณ์ 14:6; 22:8, 9) ในอนาคต พวกทูตสวรรค์จะร่วมรบกับพระเยซูในสงครามอาร์มาเกดโดน—วิวรณ์ 16:14, 16; 19:14, 15
9 บาป
บาปคือความรู้สึก ความคิด หรือการกระทำที่ขัดกับสิ่งที่พระยะโฮวาต้องการ ตอนแรกพระยะโฮวาสร้างทุกสิ่งให้สมบูรณ์แบบ แต่พออาดัมกับเอวาเลือกไม่เชื่อฟังพระองค์ พวกเขาก็ทำบาปและไม่ได้เป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบอีกต่อไป พวกเขาต้องแก่และตาย และเนื่องจากเราเป็นลูกหลานของพวกเขา เราได้รับบาปตกทอดมาจากพวกเขา เราทุกคนจึงเป็นคนบาปตั้งแต่เกิดทั้ง ๆ ที่เรายังไม่ได้ทำอะไรผิด นอกจากนั้น เพราะเราเป็นคนบาปเราจึงทำบาป เราคิด รู้สึก หรือทำอะไรที่ขัดกับสิ่งที่พระเจ้าต้องการ แต่พระยะโฮวารู้ว่าบาปทำลายความสัมพันธ์ของเรากับพระองค์ พระองค์จึงให้กฎหมายและหลักการเพื่อช่วยเราให้หลีกเลี่ยงการทำบาปและทำให้พระองค์เสียใจ
10 อาร์มาเกดโดน
อาร์มาเกดโดนเป็นสงครามของพระเจ้าเพื่อทำลายโลกของซาตานและความชั่วทุกอย่าง
11 รัฐบาลของพระเจ้า
รัฐบาลของพระเจ้าคือการปกครองที่พระยะโฮวาตั้งขึ้นในสวรรค์ซึ่งมีพระเยซูคริสต์เป็นกษัตริย์ ในอนาคตพระยะโฮวาจะใช้รัฐบาลนี้จัดการกับความชั่วทุกอย่าง แล้วรัฐบาลของพระเจ้าจะปกครองโลกนี้
12 พระเยซูคริสต์
พระเจ้าสร้างพระเยซูก่อนทุกสิ่งทุกอย่าง พระยะโฮวาส่งพระเยซูมาบนโลกเพื่อตายแทนมนุษย์ทุกคน หลังจากที่พระเยซูถูกฆ่า พระยะโฮวาได้ปลุกท่านให้ฟื้นขึ้นมา ตอนนี้พระเยซูเป็นกษัตริย์ในรัฐบาลของพระเจ้าและกำลังปกครองในสวรรค์
13 คำพยากรณ์เรื่อง 70 สัปดาห์
คัมภีร์ไบเบิลพยากรณ์หรือบอกล่วงหน้าว่าเมสสิยาห์จะมาตอนที่ช่วงเวลา “69 สัปดาห์” สิ้นสุดลง ช่วงเวลานี้เริ่มต้นในปี 455 ก่อน ค.ศ. และสิ้นสุดในปี ค.ศ. 29 เรารู้ได้อย่างไร?
ช่วงเวลา 69 สัปดาห์เริ่มในปี 455 ก่อน ค.ศ. เมื่อเนหะมีย์มาถึงกรุงเยรูซาเล็มและเริ่มต้นสร้างกรุงนั้นขึ้นใหม่ (ดาเนียล 9:25; เนหะมีย์ 2:1, 5-8) คำว่า “สัปดาห์” ทำให้เรานึกถึงเลข 7 แต่สัปดาห์ในคำพยากรณ์นี้ไม่ใช่ 7 วัน แต่หมายถึง 7 ปี ซึ่งเป็นไปตามกฎของคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลที่ “ให้ 1 วันแทน 1 ปี” (กันดารวิถี 14:34; เอเสเคียล 4:6) นี่หมายความว่า 1 สัปดาห์เท่ากับ 7 ปี และ 69 สัปดาห์จึงเท่ากับ 483 ปี (69 x 7) ดังนั้น ถ้าเราเริ่มนับจากปี 455 ก่อน ค.ศ. ไป 483 ปี (ไม่มีปี 0) ก็จะตกในปี ค.ศ. 29 ซึ่งตรงกับปีที่พระเยซูรับบัพติศมาและได้รับแต่งตั้งให้เป็นเมสสิยาห์!—ลูกา 3:1, 2, 21, 22
คำพยากรณ์เดียวกันนี้ยังบอกว่าหลังจาก “69 สัปดาห์” แล้ว ยังมีอีก “1 สัปดาห์” หรืออีก 7 ปี ช่วงเวลานั้นคือปี ค.ศ. 29 ถึง ค.ศ. 36 ซึ่งในช่วงเวลานั้นเมสสิยาห์ถูกฆ่าในปี ค.ศ. 33 และตั้งแต่ปี ค.ศ. 36 มีการประกาศข่าวดีเรื่องรัฐบาลของพระเจ้ากับคนทุกชาติไม่ใช่แค่ชาวยิว—14 ตรีเอกานุภาพหรือตรีเอกภาพ
คัมภีร์ไบเบิลสอนว่าพระยะโฮวาพระเจ้าเป็นผู้สร้างและพระองค์สร้างพระเยซูก่อนสิ่งอื่น ๆ ทั้งหมด (โคโลสี 1:15, 16) พระเยซูไม่ใช่พระเจ้าผู้มีพลังอำนาจสูงสุด ท่านไม่เคยบอกว่าท่านเท่าเทียมกับพระเจ้า ท่านบอกว่า “พระเจ้าผู้เป็นพ่อยิ่งใหญ่กว่าผม” (ยอห์น 14:28; 1 โครินธ์ 15:28) แต่บางศาสนาสอนเรื่องตรีเอกานุภาพที่ว่าพระเจ้ามีองค์เดียวแต่มีสามภาคหรือสามบุคคลคือ พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ (พระจิต) แต่ในคัมภีร์ไบเบิลไม่มีคำว่า “ตรีเอกานุภาพ” เลย นี่เป็นคำสอนที่ผิด
พระวิญญาณบริสุทธิ์หรือพลังบริสุทธิ์คือพลังที่พระเจ้าใช้ในการทำสิ่งต่าง ๆ พระองค์ใช้พลังที่มองไม่เห็นนี้ทำสิ่งที่พระองค์ต้องการ พลังบริสุทธิ์ไม่ใช่บุคคลเพราะคัมภีร์ไบเบิลบอกว่า คริสเตียนยุคแรก “เต็มไปด้วยพลังบริสุทธิ์” และพระยะโฮวาก็บอกว่า “เราจะเทพลังของเรากับคนทุกประเภท”—กิจการ 2:1-4, 17, เชิงอรรถ
15 ไม้กางเขน
ทำไมคริสเตียนแท้ไม่ใช้ไม้กางเขนในการนมัสการพระเจ้า?
-
มีการใช้ไม้กางเขนในศาสนาเท็จตั้งแต่สมัยโบราณ ผู้คนใช้ไม้กางเขนเพื่อกราบไหว้บูชาธรรมชาติและทำพิธีกรรมที่เกี่ยวกับเรื่องเพศของพวกนอกรีต ตลอดช่วง 300 ปีหลังจากพระเยซูตายคริสเตียนไม่ได้ใช้ไม้กางเขนในการนมัสการ แต่จักรพรรดิโรมันที่ชื่อคอนสแตนตินได้ทำให้ไม้กางเขนเป็นสัญลักษณ์ของศาสนาคริสต์ มีการใช้ไม้กางเขนเพื่อให้ศาสนาคริสต์เป็นที่นิยมมากขึ้นทั้ง ๆ ที่ไม้กางเขนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพระเยซูคริสต์เลย สารานุกรมคาทอลิกฉบับใหม่ อธิบายว่า “ไม้กางเขนพบได้ทั้งในวัฒนธรรมก่อนสมัยของพระเยซู และในวัฒนธรรมของคนที่ไม่ใช่คริสเตียน”
-
พระเยซูไม่ได้ตายบนไม้กางเขน คำภาษากรีกที่ฉบับแปลบางฉบับได้แปลไว้ว่า “ไม้กางเขน” จริง ๆ แล้วมีความหมายว่า “เสาที่ตั้งตรง” “ท่อนไม้” หรือ “ต้นไม้” เดอะ คอมแพนเนียน ไบเบิล อธิบายว่า “ไม่มีอะไรใน [คัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่] ที่เป็นภาษากรีกที่บ่งชี้ถึงไม้สองท่อนเลยด้วยซ้ำ” ที่จริง พระเยซูตายบนเสาที่ตั้งตรง
-
พระยะโฮวาไม่ต้องการให้เราใช้รูปเคารพหรือสัญลักษณ์อะไรก็ตามในการนมัสการ—อพยพ 20:4, 5; 1 โครินธ์ 10:14
16 การประชุมเพื่อระลึกถึงการเสียชีวิตของพระเยซู
พระเยซูสั่งสาวกของท่านให้จัดการประชุมเพื่อระลึกถึงการตายของท่าน พวกเขาทำอย่างนี้ทุกปีในวันที่ 14 เดือนนิสาน ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับที่ชาวอิสราเอลฉลองเทศกาลปัสกา ขนมปังและเหล้าองุ่นที่ใช้ในการประชุมนี้หมายถึงร่างกายและเลือดของพระเยซู มีการส่งผ่านขนมปังและเหล้าองุ่นให้ทุกคนในการประชุมนี้ คนที่จะปกครองร่วมกับพระเยซูในสวรรค์จะกินขนมปังและดื่มเหล้าองุ่น ส่วนคนที่มีความหวังจะอยู่ตลอดไปบนโลกจะเข้าร่วมการประชุมนี้ด้วยความนับถือแต่ไม่กินขนมปังหรือดื่มเหล้าองุ่น
17 ผีมีจริงไหม?
หลายคนเชื่อว่าเมื่อเราตายแล้วก็กลายเป็นผีหรือเป็นวิญญาณ แต่เรื่องนี้ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลสอน คัมภีร์ไบเบิลอธิบายสภาพของคนตายไว้อย่างชัดเจนว่า “คนตายแล้วไม่รู้อะไรเลย” (ปัญญาจารย์ 9:5) เราเห็นความจริงข้อนี้ ร่างกายและความคิดของเราเกี่ยวข้องกับการทำงานของสมอง เมื่อเราตายสมองก็หยุดทำงาน ความจำ ความรู้สึก และร่างกายของเราก็ไม่สามารถทำงานต่อไปด้วยตัวเองได้ เรื่องนี้ตรงกับที่สดุดี 146:4 บอกว่า “เมื่อเขาหมด ลมหายใจ เขาก็กลับเป็นดิน และในวันนั้นความคิดของเขาก็สูญหายไป” ดังนั้น เป็นไปไม่ได้ที่คนตายแล้วจะกลายเป็นผีหรือมีวิญญาณที่อยู่ต่อไปหลังจากตาย แล้วที่บางคนบอกว่าเขาเห็นผีหรือวิญญาณของคนที่ตายไปแล้วล่ะ? คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าสิ่งที่เขาเห็นไม่ได้เป็นวิญญาณของคนที่ตาย แต่อาจจะเป็นทูตสวรรค์ชั่วซึ่งเราจะเรียนเรื่องนี้ในบท 10
▸ บท 6 ข้อ 6, เชิงอรรถ; บท 15 ข้อ 17
18 กรรมเก่าและการกลับชาติมาเกิด
หลายคนมีความเชื่อที่ว่าชีวิตของเขาถูกลิขิตไว้จากกรรมเก่าที่เคยทำในชาติก่อน แต่เรื่องนี้ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลสอน เพราะอะไร? คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างที่มีความรักและความยุติธรรม (เฉลยธรรมบัญญัติ 32:4; 1 ยอห์น 4:8) ดังนั้น เป็นไปไม่ได้ที่พระองค์จะลงโทษผู้คนโดยตัดสินจากสิ่งที่เขาทำในชาติก่อนทั้ง ๆ ที่เขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขาทำอะไร นอกจากนั้น ถ้าเรื่องกรรมเก่าเป็นเรื่องจริง เราก็ไม่จำเป็นต้องพยายามทำอะไรเพื่อให้ตัวเราเองดีขึ้นเพราะชีวิตเราได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ในคัมภีร์ไบเบิลที่กาลาเทีย 6:7 บอกว่า “ใครหว่านอะไรไปก็ต้องเก็บเกี่ยวผลจากสิ่งนั้น” ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเราไม่ได้มาจากกรรมเก่าหรือสิ่งที่เราทำในชาติที่แล้ว แต่มาจากสิ่งที่เราทำในตอนนี้
แล้วเรื่องการกลับชาติมาเกิดล่ะ? หลายคนเชื่อว่าถ้าเราทำความชั่วในชาตินี้ เราจะต้องเกิดเป็นสัตว์ในชาติหน้า ดังนั้น ถ้าเราอยากเกิดเป็นคน เราต้องทำความดีไว้มาก ๆ แต่ความคิดแบบนี้มีเหตุผลไหม? ลองคิดดูว่าสัตว์ทำความดีได้ไหม? สัตว์ทำความดีไม่ได้ มีแต่คนเท่านั้นที่ทำความดีได้ ดังนั้น ถ้าเราต้องเกิดเป็นสัตว์ในชาติหน้าเพื่อชดใช้กรรม เราจะทำความดีได้อย่างไรเพื่อจะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง ที่จริง ตอนที่อาดัมมนุษย์คนแรกทำผิด เขาต้องตาย พระเจ้าไม่ได้บอกว่าเขาจะไปเกิดใหม่เป็นอีกคนหนึ่งหรือเป็นสัตว์ แต่พระองค์ปฐมกาล 3:19) ดังนั้น คัมภีร์ไบเบิลสอนว่าไม่มีการกลับชาติมาเกิด
บอกว่าเขาจะ ‘กลับเป็นดิน เพราะเขาถูกสร้างจากดิน’ (▸ บท 6 ข้อ 6, เชิงอรรถ; บท 15 ข้อ 17
19 เกเฮนนา
เกเฮนนาเป็นชื่อหุบเขาที่อยู่ใกล้กับกรุงเยรูซาเล็ม เป็นที่ที่ใช้สำหรับเผาทำลายขยะ ไม่มีหลักฐานเลยว่าในสมัยของพระเยซูมีการเอาสัตว์หรือมนุษย์ไปทรมานหรือเผาทั้งเป็นในหุบเขานี้ ดังนั้น จึงไม่ถูกต้องที่จะใช้เกเฮนนาเป็นสัญลักษณ์ของแดนทรมานที่คนตายจะถูกทรมานและถูกเผาตลอดไป เมื่อพระเยซูพูดถึงคนที่ถูกทิ้งในเกเฮนนา ท่านกำลังพูดถึงการทำลายให้สาบสูญ—มัทธิว 5:22; 10:28
20 ตัวอย่างคำอธิษฐานของพระเยซู
เป็นคำอธิษฐานที่พระเยซูสอนสาวกให้อธิษฐาน คำอธิษฐานนี้ยังเรียกว่าบทสวดข้าแต่พระบิดาหรือคำอธิษฐานขององค์พระผู้เป็นเจ้า ต่อไปนี้เป็นบางตัวอย่างของเรื่องที่พระเยซูสอนเราให้อธิษฐาน
-
“ขอให้ชื่อของพระองค์เป็นที่เคารพนับถืออยู่เสมอ”
เราอธิษฐานขอให้พระยะโฮวาทำให้ชื่อเสียงของพระองค์พ้นจากคำครหาและคำโกหกทุกอย่าง แล้วทูตสวรรค์และมนุษย์ทุกคนบนโลกจะเคารพนับถือชื่อของพระองค์
-
“ขอให้รัฐบาลของพระองค์มาปกครอง”
เราอธิษฐานขอให้รัฐบาลของพระเจ้าทำลายโลกชั่วของซาตาน ขอให้ปกครองโลกนี้ และทำให้โลกเป็นสวนอุทยาน
-
“ขอให้ทุกอย่างบนโลก . . . เป็นอย่างที่พระองค์อยากให้เป็น”
เราอธิษฐานขอให้โลกเป็นอย่างที่พระยะโฮวาอยากให้เป็น เพื่อมนุษย์สมบูรณ์แบบที่เชื่อฟังพระองค์จะได้อยู่ตลอดไปในอุทยาน เหมือนอย่างที่พระองค์ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกตอนที่สร้างมนุษย์
21 ค่าไถ่
พระยะโฮวาให้มีค่าไถ่เพื่อช่วยมนุษย์พ้นจากบาปและความตาย ค่าไถ่คือสิ่งที่ต้องจ่ายเพื่อซื้อชีวิตสมบูรณ์แบบกลับคืนมาซึ่งอาดัมมนุษย์คนแรกทำให้สูญเสียไป และเพื่อช่วยมนุษย์กลับมามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระยะโฮวาได้อีกครั้ง พระยะโฮวาส่งพระเยซูมาบนโลกเป็นค่าไถ่และตายแทนคนบาป โดยการสละชีวิตของพระเยซูนี้เอง มนุษย์ทุกคนจึงมีโอกาสจะได้เป็นคนที่สมบูรณ์แบบและมีชีวิตตลอดไป
22 ทำไมปี ค.ศ. 1914 จึงเป็นปีสำคัญ?
คำพยากรณ์ในดาเนียลบท 4 ช่วยเราให้รู้ว่าพระเจ้าตั้งรัฐบาลของพระองค์ในปี ค.ศ. 1914 (พ.ศ. 2457)
คำพยากรณ์ พระยะโฮวาให้กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ฝันเรื่องหนึ่งที่เป็นคำพยากรณ์บอกเหตุการณ์ล่วงหน้า เขาฝันเห็นต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งถูกโค่นลง แล้วตอของต้นไม้ก็ถูกสวมปลอกเหล็กกับปลอกทองแดงเพื่อไม่ให้เติบโตเป็นเวลา “7 ปี” หลังจากนั้น ต้นไม้ก็กลับมาเติบโตได้อีกครั้ง—ดาเนียล 4:1, 10-16
คำพยากรณ์นี้หมายความว่าอย่างไร? ต้นไม้ในคำพยากรณ์นี้หมายถึงการปกครองของพระเจ้า เป็นเวลาหลายปีที่พระยะโฮวาใช้กษัตริย์ของกรุงเยรูซาเล็มให้ปกครองชาติอิสราเอล (1 พงศาวดาร 29:23) แต่กษัตริย์เหล่านั้นไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า การปกครองของพวกเขาจึงสิ้นสุดลง กรุงเยรูซาเล็มถูกทำลายในปี 607 ก่อน ค.ศ. นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของช่วงเวลา “7 ปี” (2 พงศ์กษัตริย์ 25:1, 8-10; เอเสเคียล 21:25-27) ตอนที่พระเยซูบอกล่วงหน้าว่า “กรุงเยรูซาเล็มจะถูกชาติอื่น ๆ ย่ำยี จนกว่าช่วงเวลาของคนต่างชาติจะจบลง” ท่านก็กำลังพูดถึงช่วงเวลา “7 ปี” ในคำพยากรณ์ของดาเนียล (ลูกา 21:24) ช่วงเวลา “7 ปี” จึงไม่ได้สิ้นสุดตอนที่พระเยซูอยู่บนโลก พระยะโฮวาสัญญาว่าจะแต่งตั้งกษัตริย์องค์ใหม่ในตอนสิ้นสุดของ “7 ปี” การปกครองของพระเยซูกษัตริย์องค์นั้นจะทำให้ประชาชนของพระเจ้าที่อยู่ทั่วโลกได้รับพรตลอดไป—ลูกา 1:30-33
เวลา “7 ปี” นานแค่ไหน? ช่วงเวลา “7 ปี” ครอบคลุมระยะเวลา 2,520 ปี * ถ้าเราเริ่มนับตั้งแต่ปี 607 ก่อน ค.ศ. ไป 2,520 ปี (ไม่มีปี 0) ก็จะไปตกที่ปี ค.ศ. 1914 (พ.ศ. 2457) ซึ่งเป็นปีที่พระยะโฮวาแต่งตั้งพระเยซูให้เป็นกษัตริย์ในรัฐบาลสวรรค์ของพระองค์
เราเอาตัวเลข 2,520 มาจากไหน? คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า เวลา 3 ปีครึ่ง เท่ากับ 1,260 วัน (วิวรณ์ 12:6, 14) เวลา “7 ปี” ก็คือสองเท่าของ 3 ปีครึ่ง ดังนั้น “7 ปี” จึงเท่ากับ 2,520 วัน และจากกฎของคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลที่ “ให้ 1 วันแทน 1 ปี” ระยะเวลา 2,520 วันก็ต้องเป็น 2,520 ปี—กันดารวิถี 14:34; เอเสเคียล 4:6
23 มีคาเอลอัครทูตสวรรค์
คำว่า “อัครทูตสวรรค์” หมายถึง “หัวหน้าทูตสวรรค์” คัมภีร์ไบเบิลพูดถึงอัครทูตสวรรค์แค่องค์เดียว และชื่อของท่านคือมีคาเอล—ดาเนียล 12:1; ยูดา 9
ในวิวรณ์ 12:7 บอกว่า “มีคาเอลกับพวกทูตสวรรค์ของท่านสู้รบกับพญานาค . . . กับพวกทูตสวรรค์ฝ่ายมัน” จากข้อนี้เราเห็นว่ามีคาเอลเป็นผู้นำในกองทัพของพระเจ้าที่ประกอบด้วยทูตสวรรค์ที่ซื่อสัตย์ และหนังสือวิวรณ์บอกว่าผู้นำในกองทัพของพระเจ้าคือพระเยซู ดังนั้น มีคาเอลจึงเป็นอีกชื่อหนึ่งของพระเยซู—วิวรณ์ 19:14-16
▸ บท 9 ข้อ 4, เชิงอรรถ
24 สมัยสุดท้าย
คำนี้ชี้ถึงช่วงเวลาไม่นานก่อนที่รัฐบาลของพระเจ้าจะมาทำลายโลกของซาตาน ในสมัยสุดท้ายจะมีเหตุการณ์สำคัญ ๆ เกิดขึ้นบนโลก นอกจากคำว่าสมัยสุดท้าย ในคัมภีร์ไบเบิลยังใช้คำอื่นเมื่อพยากรณ์ถึงช่วงเวลาเดียวกันนี้ เช่น “ช่วงสุดท้ายของยุค” และ “การประทับของลูกมนุษย์” (มัทธิว 24:3, 27, 37) “สมัยสุดท้าย” เริ่มต้นตอนที่รัฐบาลของพระเจ้าเริ่มปกครองในสวรรค์ในปี ค.ศ. 1914 และจะจบลงตอนที่โลกของซาตานถูกทำลายในสงครามอาร์มาเกดโดน—2 ทิโมธี 3:1; 2 เปโตร 3:3
25 การฟื้นขึ้นจากตาย
การที่พระเจ้าทำให้คนที่ตายไปแล้วกลับมามีชีวิตอีกครั้ง คัมภีร์ไบเบิลพูดถึงการฟื้นขึ้นจากตาย 9 ครั้ง และยังบอกอีกว่าเอลียาห์ เอลีชา พระเยซู เปโตร และเปาโลเคยปลุกคนตายให้ฟื้น พวกเขาทำการอัศจรรย์นี้ได้เพราะได้รับพลังจากพระเจ้า พระยะโฮวาสัญญาว่าในอนาคตพระองค์จะปลุก “ทั้งคนดีและคนชั่ว” ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งบนโลก (กิจการ 24:15) นอกจากนั้น คัมภีร์ไบเบิลพูดถึงการฟื้นขึ้นจากตายเพื่อไปสวรรค์ด้วย เมื่อคนที่พระเจ้าเลือกหรือได้รับการเจิมจากพระเจ้าถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นจากตายเพื่อไปอยู่กับพระเยซูบนสวรรค์—ยอห์น 5:28, 29; 11:25; ฟีลิปปี 3:11; วิวรณ์ 20:5, 6
26 การเล่นไสยศาสตร์
การเล่นไสยศาสตร์เป็นการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกปีศาจ พวกปีศาจพยายามทำให้ผู้คนไม่เชื่อฟังพระเจ้า หลายคนพยายามติดต่อกับคนตายเพราะพวกเขาเชื่อคำสอนเท็จที่ว่าเมื่อคนเราตายไปแล้วจะมีวิญญาณออกจากร่างและกลายเป็นผีที่มีฤทธิ์ พวกเขาติดต่อหรือพูดคุยกาลาเทีย 5:20; วิวรณ์ 21:8
กับคนตายโดยตรงหรือผ่านทางคนอื่น เช่น หมอผี คนทรง หรือคนที่นั่งทางใน นอกจากนั้น โหราศาสตร์ การทำนายโชคชะตา การดูดวง การใช้เวทมนตร์คาถา พ่อมดหมอผี ความเชื่อเรื่องผีสางเทวดา และพลังลึกลับเหนือธรรมชาติก็เกี่ยวข้องกับพวกปีศาจ หลายคนมักใช้ยาเสพติดตอนที่แสดงฤทธิ์อำนาจที่ได้จากพวกปีศาจ พิธีบางอย่างในงานศพก็เป็นการติดต่อกับพวกปีศาจด้วย เช่น พิธีไว้ทุกข์ อุทิศส่วนกุศลให้คนตาย ทำบุญให้คนตาย หรือการจัดงานครบรอบวันตาย ในทุกวันนี้หนังสือ นิตยสาร หนัง โปสเตอร์และแม้แต่เพลงได้ทำให้เรื่องปีศาจ เวทมนตร์คาถา และเรื่องลึกลับเหนือธรรมชาติดูน่าตื่นเต้นไม่มีพิษมีภัยอะไร—27 อำนาจปกครองสูงสุดของพระยะโฮวา
พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าผู้มีพลังอำนาจสูงสุด พระองค์เป็นผู้สร้างเอกภพ (วิวรณ์ 15:3) พระองค์จึงเป็นเจ้าของทุกสิ่ง และมีอำนาจปกครองสูงสุดหรือมีสิทธิ์ปกครองทุกสิ่งที่พระองค์สร้างแต่เพียงผู้เดียว (สดุดี 24:1; อิสยาห์ 40:21-23; วิวรณ์ 4:11) พระองค์ตั้งกฎให้ทุกสิ่งที่พระองค์สร้าง และพระยะโฮวามีอำนาจแต่งตั้งให้คนอื่น ๆ ปกครองด้วย เราสามารถสนับสนุนอำนาจปกครองสูงสุดของพระเจ้าได้โดยรักและเชื่อฟังพระองค์—1 พงศาวดาร 29:11
28 การทำแท้ง
การทำแท้งเป็นการตั้งใจทำให้เด็กที่อยู่ในท้องตาย ไม่ใช่เพราะเกิดจากอุบัติเหตุหรือเกิดจากความผิดปกติของแม่และเด็ก ที่จริง เมื่อมีการปฏิสนธิก็ถือว่าเป็นคนคนหนึ่งแล้ว ไม่ใช่แค่ส่วนหนึ่งในร่างกายของแม่ ดังนั้น การทำแท้งเป็นการฆ่าคน
29 การถ่ายเลือด
การถ่ายเลือดเป็นวิธีทางการแพทย์ที่ใช้เลือดครบส่วนหรือส่วนประกอบหลักอย่างใดอย่างหนึ่งของเลือดใส่เข้าไปในร่างกาย ไม่ว่าเลือดนั้นจะมาจากตัวเราเองที่ถ่ายเก็บไว้หรือเป็นเลือดของคนอื่น (ส่วนประกอบหลัก 4 อย่างของเลือดได้แก่ พลาสมา เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด)
30 การอบรมสั่งสอน
คำว่า “สั่งสอน” และ “อบรมสั่งสอน” ในคัมภีร์ไบเบิลไม่ได้หมายถึงแค่การลงโทษ แต่รวมถึงการแนะนำ การสอน และการแก้ไข เมื่อพระยะโฮวาอบรมสั่งสอนใคร พระองค์ไม่เคยใช้วิธีที่โหดร้ายรุนแรง (สุภาษิต 4:1, 2) พระยะโฮวาวางตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมให้กับพ่อแม่ การอบรมสั่งสอนที่มาจากพระยะโฮวาเกิดผลดีมากจนทำให้คนเราชอบการอบรมสั่งสอนของพระองค์ (สุภาษิต 12:1) พระยะโฮวารักประชาชนของพระองค์ และพระองค์ฝึกสอนพวกเขา พระองค์ให้คำแนะนำพวกเขาซึ่งช่วยแก้ไขความคิดผิด ๆ และช่วยพวกเขาให้คิดและทำสิ่งที่ถูกต้อง สำหรับพ่อแม่การอบรมสั่งสอนหมายถึงการช่วยลูก ๆ ให้เข้าใจเหตุผลว่าทำไมพวกเขาควรเชื่อฟัง พ่อแม่ต้องสอนลูก ๆ ให้รักพระยะโฮวา รักคัมภีร์ไบเบิล และสอนให้เข้าใจหลักการในคัมภีร์ไบเบิลด้วย
31 ปีศาจ
พวกปีศาจเป็นพวกทูตสวรรค์ชั่ว มันมีพลังอำนาจเหนือกว่ามนุษย์และเรามองไม่เห็นพวกมัน พวกทูตสวรรค์กลายเป็นปีศาจเมื่อมันตั้งตัวเป็นศัตรูกับพระเจ้าโดยไม่เชื่อฟังพระองค์ (ปฐมกาล 6:2; ยูดา 6) พวกมันเข้าร่วมกับซาตานในการกบฏต่อพระยะโฮวา—เฉลยธรรมบัญญัติ 32:17; ลูกา 8:30; กิจการ 16:16; ยากอบ 2:19
^ วรรค 83 ในคัมภีร์ไบเบิล 1 ปีมี 360 วันและบางครั้ง 1 วันหมายถึง 1 ปี