บท 1
“นี่แหละคือพระเจ้าของเรา”
1, 2. (ก) มีคำถามอะไรบ้างที่คุณอยากถามพระเจ้า? (ข) โมเสสถามพระเจ้าเรื่องอะไร?
คุณนึกภาพการสนทนากับพระเจ้าออกไหม? แค่คิดแบบนั้นก็ทำให้รู้สึกทึ่งแล้ว คิดดูสิ พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดพูดกับคุณ ตอนแรกคุณอาจรู้สึกลังเล แต่แล้วคุณก็กล้าพูดกับพระองค์ พระองค์ฟังและตอบคุณ และถึงกับทำให้คุณรู้สึกสบายใจที่จะถามอะไรก็ได้ที่คุณอยากรู้ ตอนนี้ คุณอยากจะถามอะไร?
2 นานมาแล้ว มีผู้ชายคนหนึ่งอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น เขาชื่อโมเสส แต่เรื่องที่เขาเลือกที่จะถามพระเจ้าอาจทำให้คุณแปลกใจ เขาไม่ได้ถามว่าอนาคตของเขาจะเป็นยังไง หรือทำไมคนเราต้องมีชีวิตที่ยากลำบาก แต่เขากลับถามเกี่ยวกับชื่อของพระเจ้า คุณอาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลก เพราะโมเสสรู้จักชื่อของพระเจ้าอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้น คำถามของเขาต้องมีความหมายที่ลึกซึ้งกว่านั้น ที่จริง นั่นเป็นคำถามสำคัญที่สุดที่โมเสสจะถามได้ คำตอบสำหรับคำถามนี้มีผลกับเราทุกคน และจะช่วยเราให้สนิทกับพระเจ้ามากขึ้นได้ เราจะทำอย่างนั้นได้ยังไง? ขอให้เรามาดูการสนทนาที่น่าทึ่งนั้น
3, 4. เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นที่ทำให้โมเสสได้สนทนากับพระเจ้า และอะไรคือสาระสำคัญของการสนทนานั้น?
3 โมเสสอายุ 80 ปี เป็นเวลา 40 ปีที่เขาต้องอยู่ห่างไกลจากชาวอิสราเอลเพื่อนร่วมชาติของเขาซึ่งเป็นทาสอยู่ในอียิปต์ วันหนึ่ง ตอนที่ดูแลฝูงสัตว์ของพ่อตาอยู่ เขาได้เห็นปรากฏการณ์แปลกประหลาด พุ่มหนามพุ่มหนึ่งมีไฟลุกอยู่แต่ไม่ได้ไหม้ พุ่มหนามนั้นมีไฟลุกโชนอยู่และมีแสงเหมือนกระโจมไฟบนไหล่เขา โมเสสเข้าไปใกล้เพื่อจะสำรวจดู เขาคงตกใจมากเมื่อมีเสียงพูดกับเขาจากท่ามกลางเปลวไฟนั้น พระเจ้ากับโมเสสพูดคุยกันเป็นเวลานานโดยทางโฆษกที่เป็นทูตสวรรค์องค์หนึ่ง และตอนนั้นพระเจ้า มอบหมายโมเสสให้กลับไปอียิปต์เพื่อช่วยชาวอิสราเอลให้พ้นจากการเป็นทาส—อพยพ 3:1-12
4 ในตอนนั้น โมเสสอาจถามพระเจ้าเรื่องอะไรก็ได้ แต่ขอสังเกตว่า คำถามที่เขาเลือกคือ “ตอนที่ผมไปหาชาวอิสราเอลและพูดกับพวกเขาว่า ‘พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกคุณใช้ผมมาหาพวกคุณ’ ถ้าพวกเขาถามว่า ‘พระองค์มีชื่อว่าอะไร?’ ผมควรจะตอบว่ายังไงครับ?”—อพยพ 3:13
5, 6. (ก) คำถามของโมเสสสอนความจริงอะไรที่สำคัญ? (ข) มีการทำสิ่งที่น่าตำหนิอะไรกับชื่อของพระเจ้า? (ค) ทำไมพระเจ้าถึงบอกให้เรารู้จักชื่อของพระองค์?
5 อย่างแรก คำถามนั้นสอนเราว่าพระเจ้ามีชื่อ เราต้องไม่คิดว่าความจริงเรื่องนี้ไม่สำคัญ แต่หลายคนคิดแบบนั้น มีการลบชื่อของพระเจ้าออกจากคัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลต่าง ๆ แล้วแทนที่ด้วยคำระบุตำแหน่ง เช่น “องค์พระผู้เป็นเจ้า” และ “พระเจ้า” นี่เป็นเรื่องหนึ่งที่น่าเศร้าและน่าตำหนิมากที่สุดซึ่งได้ทำกันในนามของศาสนา ตามปกติแล้ว คุณจะคิดถึงอะไรเป็นสิ่งแรกถ้าอยากรู้จักใครสักคน? คุณคงอยากรู้จักชื่อเขาใช่ไหม? การรู้จักพระเจ้าก็เหมือนกัน พระองค์ไม่ใช่บุคคลที่อยู่ห่างไกลและไม่มีชื่อจนเราไม่สามารถจะรู้จักได้ ถึงแม้เราจะมองไม่เห็นพระองค์ แต่พระองค์ก็มีอยู่จริงและมีชื่อ นั่นคือยะโฮวา
6 ยิ่งกว่านั้น เมื่อพระเจ้าเปิดเผยชื่อของพระองค์ก็จะมีสิ่งที่น่าทึ่งและน่าตื่นเต้นเกิดขึ้น พระองค์เชิญเราให้มารู้จักพระองค์ พระองค์อยากให้เราเลือกแนวทางที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ในชีวิต นั่นคือ การเข้ามาใกล้ชิดกับพระองค์ พระยะโฮวาไม่ได้บอกแค่ชื่อของพระองค์เท่านั้น แต่สอนเราด้วยว่าพระองค์เป็นพระเจ้าแบบไหน
ความหมายของชื่อพระเจ้า
7. (ก) เป็นที่เข้าใจว่าชื่อของพระเจ้าหมายถึงอะไร? (ข) โมเสสต้องการรู้อะไรจริง ๆ เมื่อเขาถามชื่อของพระเจ้า?
7 พระยะโฮวาเลือกชื่อของพระองค์เอง ชื่อนี้มีความหมายที่ลึกซึ้ง เป็นที่เข้าใจว่า “ยะโฮวา” หมายถึง “พระองค์ทำให้เป็น” พระยะโฮวาเหนือกว่าใคร ๆ ในเอกภพ เพราะพระองค์เป็นผู้สร้างทุกสิ่ง พระองค์ทำให้ความประสงค์ทุกอย่างของพระองค์เกิดขึ้นจริง และพระองค์สามารถใช้ผู้รับใช้ที่ไม่สมบูรณ์แบบของพระองค์ให้เป็นอะไรก็ได้ตามที่พระองค์อยากให้เป็น ช่างเป็นเรื่องที่น่าประทับใจจริง ๆ แล้วชื่อของพระเจ้ายังมีความหมายในแง่มุมอื่นอีกไหม? ทั้งที่โมเสสก็รู้จักชื่อของพระเจ้าและรู้ว่าพระยะโฮวาเป็นผู้สร้าง แต่โมเสสก็ยังอยากรู้มากขึ้น ชื่อของพระเจ้าไม่ใช่เรื่องใหม่ ผู้คนใช้ชื่อนั้นมานานหลายศตวรรษแล้ว แต่เมื่อโมเสสถามชื่อพระเจ้า เขาก็อยากจะรู้ว่าพระองค์เป็นพระเจ้าแบบไหน ที่จริงแล้ว เขากำลังถามว่า ‘ผมจะบอกอะไรเกี่ยวกับพระองค์กับชาวอิสราเอลประชาชนของพระองค์เพื่อพวกเขาจะมีความเชื่อในพระองค์มากขึ้นและมั่นใจว่าพระองค์จะช่วยพวกเขาให้เป็นอิสระได้จริง ๆ?’
8, 9. (ก) พระยะโฮวาตอบโมเสสยังไง และมีการแปลคำตอบของพระองค์ผิดยังไง? (ข) อะไรคือความหมายของคำพูดที่ว่า “เราจะเป็นทุกอย่างที่เราต้องการจะเป็น”?
8 ในคำตอบของพระยะโฮวา พระองค์แสดงให้เห็นคุณลักษณะที่ยอดเยี่ยมของพระองค์ซึ่งเกี่ยวข้องกับความหมายชื่อของพระองค์ พระองค์บอกโมเสสว่า “เราจะเป็นทุกอย่างที่เราต้องการจะเป็น” (อพยพ 3:14) คัมภีร์ไบเบิลหลายฉบับแปลข้อนี้ว่า “เราเป็นซึ่งเราเป็น” แต่การแปลที่ถูกต้องทำให้เห็นว่าพระเจ้าไม่ใช่แค่ยืนยันว่าพระองค์มีอยู่จริง แทนที่จะเป็นอย่างนั้น พระยะโฮวาสอนโมเสสและเราทุกคนด้วยว่าพระองค์ “ต้องการจะเป็น” หรือเลือกว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่จำเป็นเพื่อทำให้คำสัญญาของพระองค์เกิดขึ้นจริง ฉบับแปลของ เจ. บี. รอเทอร์แฮมแปลข้อนี้อย่างชัดเจนว่า “เราจะเป็นอะไรก็ได้ที่เราพอใจจะเป็น” ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาฮีบรูเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลคนหนึ่งอธิบายถ้อยคำนั้นว่า “ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์หรือความจำเป็นอะไรก็ตาม . . . พระเจ้าจะ ‘เป็น’ วิธีแก้สำหรับความจำเป็นนั้น”
9 นี่หมายถึงอะไรสำหรับชาวอิสราเอล? ไม่ว่าพวกเขาจะเจอปัญหาอะไร หรือเจอเรื่องที่ยากลำบากขนาดไหน พระยะโฮวาจะเป็นอะไรก็ตามที่จำเป็นเพื่อช่วยพวกเขาจากการเป็นทาสและนำพวกเขาเข้าไปในแผ่นดินที่พระองค์สัญญา แน่นอนว่าชื่อของพระเจ้าทำให้พวกเขามั่นใจในพระองค์ พวกเราในทุกวันนี้ก็มั่นใจได้เหมือนกัน (สดุดี 9:10) เพราะอะไร?
10, 11. ชื่อของพระยะโฮวาบอกให้เรารู้ยังไงว่าพระองค์เป็นพ่อที่ดีที่สุดที่เราจะมีได้? ขอยกตัวอย่าง
10 เพื่อเป็นตัวอย่าง พ่อแม่รู้ว่าพวกเขาต้องทำหลายอย่างเพื่อดูแลเอาใจใส่ลูก ในหนึ่งวัน พ่อแม่อาจต้องทำหน้าที่เป็นพยาบาล แม่ครัว ครู ผู้ตัดสิน และอีกหลายอย่าง พ่อแม่เห็นว่าลูก ๆ เชื่อและมั่นใจว่าถ้าเขาบาดเจ็บพ่อแม่จะช่วยได้ ถ้าเขามีปัญหาพ่อแม่จะช่วยแก้ได้ ช่วยซ่อมของเล่นให้ได้ และตอบคำถามทุกเรื่องที่พวกเขาอยากรู้ได้ บางครั้งพ่อแม่หลายคนรู้สึกหมดแรงเพราะต้องทำหน้าที่หลายอย่าง พวกเขาอาจรู้สึกไม่ดีและยอมรับว่าตัวเองมีขีดจำกัด และไม่มั่นใจว่าจะทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีพอไหม
11 พระยะโฮวาเป็นพ่อที่เปี่ยมด้วยความรักแบบนั้นแหละ พระองค์มีมาตรฐานที่สมบูรณ์แบบก็เลยไม่มีอะไรที่พระองค์ทำไม่ได้เพื่อจะเอาใจใส่ลูก ๆ ของพระองค์บนโลกในวิธีที่ดีที่สุด ดังนั้น ชื่อของพระองค์บอกให้เรารู้ว่าพระองค์เป็นพ่อที่ดีที่สุดที่เราจะมีได้ และพระยะโฮวาก็อยากให้เรารู้สึกแบบนั้นด้วย (ยากอบ 1:17) โมเสสและชาวอิสราเอลที่ซื่อสัตย์ทุกคนจะได้รู้ว่าพระยะโฮวาทำตามความหมายชื่อของพระองค์จริง ๆ พวกเขาได้เห็นว่าพระยะโฮวาเป็นทุกอย่างที่พระองค์ต้องการจะเป็น พระองค์เอาชนะศัตรูของพวกเขา แยกทะเลแดง ให้กฎหมายที่สมบูรณ์แบบ พิพากษาอย่างยุติธรรม ให้อาหารและน้ำกับพวกเขาในที่กันดาร ดูแลให้เสื้อผ้าและรองเท้าของเขาไม่เก่า และอื่น ๆ อีกหลายอย่าง
12. ความคิดของฟาโรห์ต่อพระยะโฮวาต่างกับความคิดของโมเสสยังไง?
12 พระเจ้าบอกให้เรารู้จักชื่อของพระองค์ บอกให้เรารู้ว่าพระองค์เป็นพระเจ้าแบบไหนและแสดงให้เห็นด้วยว่าสิ่งที่พระองค์บอกเกี่ยวกับพระองค์ เป็นเรื่องจริง ไม่มีข้อสงสัยเลยว่า พระเจ้าอยากให้เรารู้จักพระองค์ แล้วเราอยากจะรู้จักพระองค์ไหม? โมเสสอยากรู้จักพระเจ้า เรื่องนี้มีผลกับชีวิตของเขาและทำให้เขาสนิทกับพ่อในสวรรค์มากขึ้น (กันดารวิถี 12:6-8; ฮีบรู 11:27) น่าเสียดายที่หลายคนในสมัยของโมเสสไม่ต้องการแบบนั้น เมื่อโมเสสบอกให้ฟาโรห์กษัตริย์อียิปต์รู้ชื่อของพระเจ้า กษัตริย์ที่หยิ่งยโสได้ถามกลับอย่างไม่นับถือว่า “พระยะโฮวาเป็นใคร?” (อพยพ 5:2) ฟาโรห์ไม่ได้อยากรู้อะไรเกี่ยวกับพระยะโฮวา เขาแสดงให้เห็นว่าพระยะโฮวาไม่สำคัญกับเขาและไม่สนใจคำพูดของพระองค์ ในทุกวันนี้หลายคนก็คิดแบบเดียวกัน นี่เลยทำให้พวกเขามองไม่เห็นความจริงที่สำคัญที่สุดคือ พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด
พระยะโฮวาพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด
13, 14. (ก) ทำไมมีการใช้คำระบุตำแหน่งของพระยะโฮวาหลายคำในคัมภีร์ไบเบิล และคำเหล่านี้มีอะไรบ้าง? (โปรดดู กรอบหน้า 14) (ข) ทำไมพระยะโฮวาผู้เดียวที่คู่ควรที่จะถูกเรียกว่า “พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด”?
13 พระยะโฮวาเป็นผู้ที่ปรับเปลี่ยนได้หลายบทบาท ดังนั้น คัมภีร์ไบเบิลเลยใช้หลายตำแหน่งเมื่อมีการพูดถึงพระองค์ ตำแหน่งเหล่านั้นไม่ได้สำคัญกว่าชื่อของพระองค์ แต่ช่วยให้เรารู้จักความหมายของชื่อพระองค์มากขึ้น ตัวอย่างเช่น มีการเรียกพระองค์ว่า “พระยะโฮวาพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด” (2 ซามูเอล 7:22) คำระบุตำแหน่งที่สูงส่งนี้มีอยู่ในคัมภีร์ไบเบิลหลายร้อยครั้ง และบอกให้รู้ว่าพระเจ้ายิ่งใหญ่ขนาดไหน พระยะโฮวาผู้เดียวมีสิทธิ์ที่จะปกครองทั่วทั้งเอกภพ ให้เรามาดูเหตุผลด้วยกัน
14 ไม่มีใครจะเทียบพระยะโฮวาในฐานะผู้สร้างได้ วิวรณ์ 4:11 บอกว่า “พระยะโฮวา พระเจ้าของเรา พระองค์สมควรจะได้รับการยกย่องสรรเสริญ ความนับถือ และฤทธิ์อำนาจ เพราะพระองค์สร้างทุกสิ่ง ทุกสิ่งมีอยู่และถูกสร้างขึ้นตามความต้องการของพระองค์” ถ้อยคำเหล่านี้ไม่สามารถใช้กับใครได้นอกจากพระยะโฮวาเพราะพระองค์สร้างทุกสิ่งในเอกภพ ดังนั้น พระยะโฮวาผู้เดียวที่คู่ควรกับการยกย่องสรรเสริญ ความ นับถือ และฤทธิ์อำนาจเพราะพระองค์เป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดและเป็นผู้สร้างทุกสิ่ง
15. ทำไมถึงเรียกพระยะโฮวาว่า “กษัตริย์ตลอดไป”?
15 คำระบุตำแหน่งอีกคำหนึ่งที่ใช้กับพระยะโฮวาโดยเฉพาะคือ “กษัตริย์ตลอดไป” (1 ทิโมธี 1:17; วิวรณ์ 15:3) คำนี้หมายความว่ายังไง? เนื่องจากความคิดเรามีขีดจำกัด เราอาจไม่เข้าใจทั้งหมด แต่พระยะโฮวามีชีวิตอยู่ตั้งแต่อดีตและตลอดไป สดุดี 90:2 บอกว่า พระยะโฮวา “เป็นพระเจ้าตั้งแต่อดีตจนถึงตลอดกาล” ดังนั้น พระยะโฮวาไม่มีจุดเริ่มต้น พระองค์มีชีวิตอยู่ตลอดมา มีการเรียกพระองค์อย่างเหมาะสมว่า “ผู้มีชีวิตอยู่ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์” เพราะพระองค์มีชีวิตอยู่ก่อนใคร ๆ และก่อนทุกสิ่งทุกอย่างในเอกภพ (ดาเนียล 7:9, 13, 22) เห็นได้ชัดเลยว่าพระองค์มีสิทธิ์ปกครองเหนือทุกสิ่งเพราะพระองค์เป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด
16, 17. (ก) ทำไมเราไม่สามารถเห็นพระยะโฮวาได้ และทำไมเรื่องนี้ไม่ควรทำให้เราแปลกใจ? (ข) ทำไมพระยะโฮวาเป็นจริงมากกว่าสิ่งต่าง ๆ ที่เราสัมผัสหรือมองเห็นได้?
16 บางคนสงสัยในสิทธินั้นเหมือนที่ฟาโรห์เคยสงสัย ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะมนุษย์ไม่สมบูรณ์แบบมักจะเชื่อในสิ่งที่เขามองเห็นเท่านั้น เราไม่สามารถเห็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดได้ พระองค์เป็นกายทิพย์ที่มนุษย์มองไม่เห็น (ยอห์น 4:24) นอกจากนั้น ถ้ามนุษย์ที่มีเนื้อและเลือดจะยืนอยู่ต่อหน้าพระยะโฮวา เขาก็จะตาย พระยะโฮวาบอกกับโมเสสว่า “เจ้าจะเห็นหน้าของเราไม่ได้ เพราะไม่มีมนุษย์คนไหนที่เห็นเราแล้วจะมีชีวิตอยู่ได้”—อพยพ 33:20; ยอห์น 1:18
17 เรื่องนี้ไม่ควรทำให้เราแปลกใจ โมเสสได้เห็นแค่ส่วนหนึ่งของรัศมีของพระยะโฮวาโดยทางทูตสวรรค์ ผลเป็นยังไง? หน้าของโมเสส “มีรัศมี” ชั่วระยะหนึ่งและทำให้ชาวอิสราเอลไม่กล้ามองหน้าโมเสสตรง ๆ (อพยพ 33:21-23; 34:5-7, 29, 30) ถ้าอย่างนั้นมนุษย์ไม่สามารถมองดูพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดได้อย่างแน่นอน ที่เรามองไม่เห็นพระองค์หมายความว่าพระองค์ไม่ได้มีชีวิตอยู่อย่างนั้นไหม? ไม่ เรายอมรับว่าหลายสิ่งที่เรามองไม่ เห็นนั้นมีอยู่จริง ตัวอย่างเช่น ลม คลื่นวิทยุ และความคิด พระยะโฮวามีชีวิตอยู่ตลอดไปไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานกี่ล้านปีก็ไม่ได้มีผลต่อพระองค์ แต่สิ่งต่าง ๆ ที่เราสัมผัสหรือมองเห็นได้มักจะเก่าแก่และเสื่อมลงเมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้น พระยะโฮวาเป็นจริงมากกว่าสิ่งต่าง ๆ ที่เราสัมผัสหรือมองเห็นได้ (มัทธิว 6:19) แต่พระองค์เป็นแค่พลังที่มองไม่เห็น ไม่มีตัวตน ไม่มีความรู้สึก และไม่สนใจเราอย่างนั้นไหม? ให้เราดูเรื่องนี้ด้วยกัน
พระเจ้าที่มีคุณลักษณะยอดเยี่ยม
18. เอเสเคียลได้เห็นนิมิตอะไร และ “สิ่งมีชีวิต” ที่มีสี่หน้าซึ่งอยู่ใกล้พระยะโฮวานั้นเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงอะไร?
18 ถึงแม้เราไม่สามารถเห็นพระเจ้าได้ แต่ในคัมภีร์ไบเบิลได้บันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่น่าตื่นเต้นซึ่งทำให้เรามองเห็นภาพแวบหนึ่งของสวรรค์ ตัวอย่างหนึ่งอยู่ในบทแรกของหนังสือเอเสเคียล เอเสเคียลได้เห็นนิมิตเกี่ยวกับองค์การส่วนที่อยู่ในสวรรค์ของพระยะโฮวา ซึ่งมีลักษณะเหมือนพาหนะที่ใหญ่มาก เขาประทับใจมากที่ได้เห็นทูตสวรรค์ที่มีฤทธิ์อำนาจอยู่ล้อมรอบพระยะโฮวา (เอเสเคียล 1:4-10) “สิ่งมีชีวิต” เหล่านี้รับใช้พระยะโฮวาอย่างใกล้ชิด และรูปลักษณ์ของพวกเขาบอกให้เรารู้บางอย่างที่สำคัญเกี่ยวกับพระเจ้าที่พวกเขารับใช้อยู่ สิ่งมีชีวิตแต่ละตนมีสี่หน้า คือหน้าวัวตัวผู้ สิงโต นกอินทรี และหน้าคน สิ่งมีชีวิตทั้งสี่เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงคุณลักษณะสำคัญ 4 อย่างที่ยอดเยี่ยมของพระยะโฮวา—วิวรณ์ 4:6-8, 10
19. สัญลักษณ์ต่อไปนี้แสดงถึงคุณลักษณะอะไร (ก) หน้าวัวตัวผู้? (ข) หน้าสิงโต? (ค) หน้านกอินทรี? (ง) หน้าคน?
19 ในคัมภีร์ไบเบิล วัวมักหมายถึงอำนาจ และก็เหมาะสมทีเดียว เพราะวัวเป็นสัตว์ที่แข็งแรงมาก ในอีกด้านหนึ่ง สิงโตมักเป็นภาพแสดงถึงความยุติธรรม เพราะความยุติธรรมแท้ต้องใช้ความกล้าหาญซึ่งเป็นคุณลักษณะที่ทำให้สิงโตเป็นที่รู้จัก นกอินทรีเป็นที่รู้จักกันว่ามีสายตาที่ดีมาก มันมองเห็นแม้แต่สิ่งที่เล็ก ๆ ซึ่งอยู่ห่างหลายกิโลเมตร ดังนั้น หน้านกอินทรีจึง แสดงถึงสติปัญญาที่มองการณ์ไกลของพระเจ้าได้เป็นอย่างดี และหน้าคนล่ะ? เพราะมนุษย์ถูกสร้างตามแบบพระเจ้าเลยมีความสามารถที่จะสะท้อนคุณลักษณะสำคัญของพระเจ้า คือความรัก (ปฐมกาล 1:26) ในคัมภีร์ไบเบิลมีการเน้นบ่อย ๆ เกี่ยวกับอำนาจ ความยุติธรรม สติปัญญา และความรักของพระยะโฮวา ดังนั้น เราบอกได้ว่าคุณลักษณะเหล่านี้เป็นคุณลักษณะสำคัญของพระเจ้า
20. เรารู้ได้ยังไงว่าพระยะโฮวาไม่เปลี่ยนแปลง และทำไมคุณตอบอย่างนั้น?
20 เนื่องจากคัมภีร์ไบเบิลเขียนมานานแล้ว ตอนนี้พระเจ้าเปลี่ยนแปลงไปแล้วไหม? ไม่ คุณลักษณะของพระเจ้าไม่เคยเปลี่ยน พระองค์บอกเราว่า “เรายะโฮวาไม่เปลี่ยนแปลง” (มาลาคี 3:6) แทนที่จะเป็นอย่างนั้น พระยะโฮวาพิสูจน์ว่าเป็นพ่อที่ยอดเยี่ยมเสมอ เมื่อพระองค์จัดการกับสภาพการณ์ต่าง ๆ พระองค์ก็แสดงคุณลักษณะที่จำเป็นเพื่อช่วยเรา ในบรรดาคุณลักษณะ 4 อย่างนั้น คุณลักษณะที่โดดเด่นที่สุดคือความรัก ความรักเห็นได้ชัดในทุกสิ่งที่พระองค์ทำ พระองค์แสดงอำนาจ ความยุติธรรม และสติปัญญาในวิธีที่เปี่ยมด้วยความรัก ที่จริง คัมภีร์ไบเบิลพูดถึงบางอย่างที่พิเศษเกี่ยวกับพระเจ้าและคุณลักษณะนี้ คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “พระเจ้า เป็นความรัก” (1 ยอห์น 4:8) ขอสังเกตว่าพระคัมภีร์ไม่ได้บอกว่า พระเจ้ามีความรักหรือบอกว่าพระเจ้าแสดงความรัก แต่พระคัมภีร์บอกว่า พระเจ้าเป็นความรัก ความรักเป็นคุณลักษณะสำคัญมากของพระองค์ที่กระตุ้นพระองค์ให้ทำทุกสิ่ง
“นี่แหละคือพระเจ้าของเรา”
21. เราจะรู้สึกยังไงถ้าได้รู้จักคุณลักษณะต่าง ๆ ของพระยะโฮวาดีขึ้น?
21 คุณเคยเห็นเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่งไหมที่ชี้ให้เพื่อน ๆ ดูพ่อของเขา แล้วพูดด้วยความภูมิใจว่า “นั่นไง พ่อฉัน” ผู้นมัสการพระยะโฮวาก็มีเหตุผลที่จะรู้สึกแบบนั้นกับพระองค์ คัมภีร์ไบเบิลบอกล่วงหน้าถึงสมัยที่ประชาชนของพระองค์จะร้องออกมาว่า “นี่แหละคือพระเจ้าของเรา” (อิสยาห์ 25:8, 9) ยิ่งคุณมีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับคุณลักษณะของพระยะโฮวามากเท่าไร คุณก็จะยิ่งรู้สึกมากขึ้นว่าคุณมีพ่อที่ดีที่สุดเท่าที่จะมีได้
22, 23. คัมภีร์ไบเบิลพูดถึงพ่อในสวรรค์ของเราว่ายังไง และเรารู้ได้ยังไงว่าพระองค์อยากให้เราใกล้ชิดกับพระองค์?
22 พระยะโฮวาไม่ได้เป็นพระเจ้าที่ไม่สนใจและอยู่ห่างไกลเราเหมือนที่ผู้นำศาสนาและนักปรัชญาบางคนสอน ถ้าพระองค์เป็นแบบนั้นเราคงไม่อยากเข้าใกล้พระองค์ และคัมภีร์ไบเบิลก็ไม่ได้พูดถึงพ่อในสวรรค์ของเราแบบนั้นเลย ตรงกันข้าม พระคัมภีร์เรียกพระองค์ว่า “พระเจ้าผู้มีความสุข” (1 ทิโมธี 1:11) พระองค์มีทั้งความเข้มแข็งและอ่อนโยน พระองค์รู้สึก “เจ็บปวดใจ” เมื่อมนุษย์ที่พระองค์สร้างไม่ทำตามกฎหมายที่เป็นประโยชน์กับพวกเขาเอง (ปฐมกาล 6:6; สดุดี 78:41) แต่ถ้าเราฉลาดและทำตามคำสอนของพระองค์ เราก็ทำให้ ‘พระองค์ดีใจ’—สุภาษิต 27:11
23 พระยะโฮวาพ่อในสวรรค์อยากให้เราใกล้ชิดกับพระองค์ ถ้อยคำของพระองค์สนับสนุนเราให้ “เสาะหาพระองค์ และถ้าเขาพยายามหาจริง ๆ เขาก็จะพบพระองค์ เพราะพระองค์ไม่ได้อยู่ไกลจากเราแต่ละคนเลย” (กิจการ 17:27) แต่เราซึ่งเป็นมนุษย์จะเป็นเพื่อนสนิท กับพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดในเอกภพได้ยังไง?