ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

จง​เลียน​แบบ​ความ​เชื่อ​ของ​เขา

เธอดำเนินการอย่างรอบคอบ กล้าหาญ และไม่เห็นแก่ตัว

เธอดำเนินการอย่างรอบคอบ กล้าหาญ และไม่เห็นแก่ตัว

เอศเธระ​ค่อย ๆ เดิน​เข้า​มา​ใกล้​บัลลังก์​ของ​กษัตริย์​ด้วย​หัวใจ​ที่​เต้น​รัว. ท้อง​พระ​โรง​ใน​พระ​ราชวัง​ที่​กรุง​ชูชาน​ของ​เปอร์เซีย​เงียบ​สงัด​จน​เอศเธระ​ได้​ยิน​เสียง​ฝีเท้า​เบา ๆ ของ​เธอ​และ​เสียง​พลิ้ว​ไหว​ของ​เครื่อง​ทรง​ที่​เธอ​สวม​ใส่. เธอ​พยายาม​ควบคุม​ความ​คิด​ไม่​ให้​ความ​โอ่อ่า​ของ​ท้อง​พระ​โรง​มา​ทำ​ให้​เธอ​วอกแวก ไม่​ว่า​จะ​เป็น​เสา​ต้น​ใหญ่​ที่​สง่า​งาม หรือ​เพดาน​ที่​แกะ​สลัก​อย่าง​วิจิตร​บรรจง​ซึ่ง​ทำ​จาก​ไม้​สน​ซีดาร์​ที่​นำ​เข้า​จาก​เลบานอน​อัน​ไกล​โพ้น. เธอ​มุ่ง​ความ​สนใจ​ทั้ง​หมด​ไป​ยัง​ผู้​ที่​นั่ง​อยู่​บน​บัลลังก์ บุรุษ​ผู้​กำ​ชีวิต​เธอ​ไว้.

กษัตริย์​มอง​ตรง​มา​ที่​เอศเธระ​ขณะ​ที่​เธอ​เดิน​เข้า​ไป​ใกล้ แล้ว​เขา​ก็​ยื่น​ทัณฑกร​ทองคำ​ให้​เธอ. แม้​จะ​เป็น​สัญญาณ​ง่าย ๆ แต่​สำหรับ​เธอ​แล้ว​นั่น​หมาย​ถึง​ชีวิต เพราะ​เท่า​กับ​ว่า​กษัตริย์​ได้​ให้​อภัย​เธอ​ที่​ฝ่าฝืน​กฎหมาย​โดย​มา​เข้า​เฝ้า​ทั้ง​ที่​ไม่​มี​รับสั่ง. เมื่อ​เอศเธระ​มา​ยืน​อยู่​ตรง​หน้า​บัลลังก์ เธอ​ยื่น​มือ​ออก​ไป​แตะ​ยอด​ทัณฑกร​ด้วย​ความ​ซาบซึ้ง​ใจ​ใน​ความ​เมตตา​กรุณา​ของ​บุรุษ​ผู้​เป็น​สามี.—เอศเธระ 5:1, 2 *

ทุก​สิ่ง​ที่​เป็น​ของ​กษัตริย์​อะหัศวะโรศ​ล้วน​แสดง​ถึง​อำนาจ​อัน​ยิ่ง​ใหญ่​และ​ความ​มั่งคั่ง​ร่ำรวย​ของ​เขา. กล่าว​กัน​ว่า​เครื่อง​ทรง​ของ​กษัตริย์​แห่ง​เปอร์เซีย​สมัย​นั้น​มี​มูลค่า​หลาย​ร้อย​ล้าน​ดอลลาร์. แต่​สายตา​ของ​เขา​เมื่อ​มอง​มา​ที่​เอศเธระ​ก็​ทำ​ให้​เธอ​รู้สึก​ได้​ถึง​ความ​อบอุ่น. ที่​จริง เขา​ก็​รัก​เธอ​แม้​ว่า​เขา​จะ​ไม่​แสดง​ออก​มาก​นัก. แล้ว​กษัตริย์​ก็​ถาม​ว่า “เอศเธระ​มเหสี​เอ๋ย, พระ​นาง​ประสงค์​อะไร? และ​จะ​ขอ​สิ่ง​ใด? เรา​จะ​ให้​สิ่ง​นั้น​แก่​พระ​นาง​ถึง​ครึ่ง​แผ่นดิน.”—เอศเธระ 5:3

เอศเธระ​ได้​แสดง​ให้​เห็น​แล้ว​ว่า​เธอ​มี​ความ​เชื่อ​และ​กล้า​หาญ​มาก​เพียง​ไร​ที่​มา​เข้า​เฝ้า​กษัตริย์​เพื่อ​ปก​ป้อง​ชน​ร่วม​ชาติ​จาก​แผน​ชั่ว​ที่​มุ่ง​กวาด​ล้าง​พวก​เขา. ตอน​นี้​เธอ​ทำ​สำเร็จ​ไป​แล้ว​ขั้น​หนึ่ง แต่​ภารกิจ​ที่​ยิ่ง​ใหญ่​นี้​ยัง​ไม่​เสร็จ​สิ้น. เอศเธระ​ยัง​ต้อง​โน้ม​น้าว​ให้​กษัตริย์​ผู้​เย่อหยิ่ง​คน​นี้​ยอม​เชื่อ​ว่า​ที่​ปรึกษา​ที่​เขา​ไว้​ใจ​ที่​สุด​เป็น​คน​ชั่ว​ช้า​และ​ได้​หลอก​เขา​ให้​ออก​กฎหมาย​เพื่อ​ทำลาย​ชน​ร่วม​ชาติ​ของ​เธอ. เธอ​จะ​โน้ม​น้าว​ใจ​เขา​อย่าง​ไร และ​เรา​เรียน​อะไร​ได้​จาก​ความ​เชื่อ​ของ​เธอ?

เธอ​เลือก “วาระ​พูด” อย่าง​สุขุม​รอบคอบ

เอศเธระ​ควร​บอก​ปัญหา​ทั้ง​หมด​แก่​กษัตริย์​ต่อ​หน้า​ทุก​คน​ใน​ท้อง​พระ​โรง​ไหม? การ​ทำ​เช่น​นั้น​อาจ​ทำ​ให้​เขา​อับอาย​และ​ทำ​ให้​ฮามาน​ที่​ปรึกษา​ของ​เขา​มี​โอกาส​หา​ข้อ​แก้​ตัว​ได้. ถ้า​เช่น​นั้น​เอศเธระ​จะ​ทำ​อย่าง​ไร? หลาย​ศตวรรษ​ก่อน​หน้า​นี้ กษัตริย์​โซโลมอน​ผู้​ฉลาด​สุขุม​ได้​รับ​การ​ดล​ใจ​ให้​เขียน​ว่า “มี​ฤดู​กาล​สำหรับ​ทุก​สิ่ง . . . มี​วาระ​นิ่ง​เงียบ และ​วาระ​พูด.” (ท่าน​ผู้​ประกาศ 3:1, 7, พระ​คริสตธรรม​คัมภีร์ ฉบับ​มาตรฐาน) เรา​คง​นึก​ภาพ​ออก​ว่า​มาระดะคาย​ผู้​ซื่อ​สัตย์​ซึ่ง​เป็น​บิดา​บุญธรรม​ของ​เอศเธระ​คง​ได้​สอน​ลูก​สาว​ของ​เขา​ตั้ง​แต่​วัย​เด็ก​เกี่ยว​กับ​หลักการ​เหล่า​นี้. เอศเธระ​คง​เข้าใจ​ดี​ว่า​การ​เลือก “วาระ​พูด” อย่าง​สุขุม​เป็น​เรื่อง​สำคัญ​เพียง​ใด.

เอศเธระ​ทูล​กษัตริย์​ว่า “ถ้า​พระองค์​ทรง​เห็น​ชอบ​แล้ว, ขอ​เชิญ​พระองค์​เสด็จ​มา​กับ​ฮามาน​ใน​การ​เลี้ยง​วัน​นี้​ที่​ข้าพเจ้า​ได้​จัด​เตรียม​ไว้​สำหรับ​ถวาย​พระองค์.” (เอศเธระ 5:4) กษัตริย์​ตอบรับ​คำ​เชิญ​และ​ส่ง​คน​ไป​เรียก​ฮามาน. คุณ​สังเกต​เห็น​คำ​พูด​ที่​ฉลาด​สุขุม​ของ​เอศเธระ​ไหม? เธอ​คำนึง​ถึง​ศักดิ์ศรี​ของ​สามี​และ​สร้าง​โอกาส​ที่​เหมาะ​สม​กว่า​เพื่อ​จะ​เปิด​เผย​ความ​กังวล​ใจ​ของ​เธอ​แก่​สามี.

เอศเธระ​คง​ต้อง​จัด​เตรียม​งาน​เลี้ยง​นี้​อย่าง​พิถีพิถัน. เธอ​คง​สรร​หา​แต่​สิ่ง​ที่​สามี​ชอบ​มา​เอา​ใจ​เขา. ใน​งาน​เลี้ยง​นี้​ยัง​มี​เหล้า​องุ่น​ชั้น​เลิศ​เพื่อ​ทำ​ให้​อารมณ์​ชื่น​บาน. (บทเพลง​สรรเสริญ 104:15) อะหัศวะโรศ​ทรง​สำราญ​พระทัย​ยิ่ง​นัก​จน​ถึง​กับ​ถาม​เอศเธระ​อีก​ครั้ง​ว่า​เธอ​ปรารถนา​จะ​ขอ​สิ่ง​ใด. ตอน​นี้​ถึง​เวลา​ที่​ควร​จะ​พูด​แล้ว​ไหม?

เอศเธระ​คิด​ว่า​ยัง​ไม่​เหมาะ. เธอ​จึง​เชิญ​กษัตริย์​และ​ฮามาน​มา​งาน​เลี้ยง​อีก​ครั้ง​ใน​วัน​รุ่ง​ขึ้น. (เอศเธระ 5:7, 8) ทำไม​เธอ​ยัง​ไม่​พูด? อย่า​ลืม​ว่า ชน​ร่วม​ชาติ​ของ​เอศเธระ​กำลัง​จะ​ถูก​ฆ่า​ตาม​กฤษฎีกา​ของ​กษัตริย์. เนื่อง​จาก​เรื่อง​นี้​เกี่ยว​ข้อง​กับ​ความ​เป็น​ความ​ตาย เอศเธระ​จึง​ต้อง​ดู​ให้​แน่​ใจ​ว่า​เวลา​ไหน​เหมาะ​ที่​สุด​ที่​จะ​พูด. ดัง​นั้น เธอ​จึง​อด​ทน​รอ​และ​จัด​งาน​เลี้ยง​อีก​ครั้ง​หนึ่ง​เพื่อ​แสดง​ให้​สามี​เห็น​ว่า​เธอ​นับถือ​เขา​อย่าง​ยิ่ง.

ความ​อด​ทน​เป็น​คุณสมบัติ​ที่​มี​ค่า​และ​หา​ได้​ยาก. แม้​จะ​ทุกข์​ใจ​และ​อยาก​พูด​เหลือ​เกิน แต่​เอศเธระ​ก็​อด​ทน​รอ​ให้​ถึง​เวลา​ที่​เหมาะ​สม. เรา​ได้​บทเรียน​มาก​มาย​จาก​ตัว​อย่าง​ของ​เธอ​เพราะ​เรา​ทุก​คน​อาจ​เคย​พบ​เห็น​บาง​สิ่ง​บาง​อย่าง​ที่​ไม่​ถูก​ต้อง​และ​อยาก​ให้​มี​การ​จัด​การ​แก้ไข. ถ้า​เรา​ต้องการ​โน้ม​น้าว​ผู้​มี​อำนาจ​หน้า​ที่​ให้​จัด​การ​เรื่อง​เหล่า​นั้น เรา​ก็​ต้อง​เลียน​แบบ​เอศเธระ​และ​รู้​จัก​อด​ทน. สุภาษิต 25:15 (ฉบับ​อมตธรรม​ร่วม​สมัย ) กล่าว​ว่า “จง​อด​ทน​แล้ว​จะ​ชนะ​ใจ​เจ้านาย​ได้ ลิ้น​ที่​อ่อนโยน​สามารถ​บดขยี้​กระดูก​ได้.” ถ้า​เรา​อด​ทน​รอ​ให้​ถึง​เวลา​ที่​เหมาะ​สม​และ​พูด​อย่าง​สุภาพ​อ่อนโยน​เหมือน​ที่​เอศเธระ​ทำ เรา​ก็​อาจ​เอา​ชนะ​การ​ต่อ​ต้าน​ที่​แข็ง​ราว​กับ​กระดูก​ได้. แล้ว​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​ของ​เอศเธระ​ทรง​อวย​พร​ความ​อด​ทน​และ​ความ​สุขุม​รอบคอบ​ของ​เธอ​ไหม?

ความ​อด​ทน​นำ​ไป​ถึง​ความ​ยุติธรรม

ความ​อด​ทน​ของ​เอศเธระ​ทำ​ให้​มี​เหตุ​การณ์​สำคัญ​หลาย​อย่าง​เกิด​ขึ้น. ฮามาน​กลับ​จาก​งาน​เลี้ยง​ครั้ง​แรก​ด้วย​ความ​เบิกบาน​และ “มี​ใจ​ชื่นชม​ยินดี” เพราะ​คิด​ว่า​กษัตริย์​และ​ราชินี​โปรดปราน​ตน​มาก. แต่​เมื่อ​ฮามาน​เดิน​ผ่าน​ประตู​พระ​ราชวัง เขา​ก็​เห็น​มาระดะคาย​ชาว​ยิว​นั่ง​เฉย​ไม่​ยอม​ลุก​ขึ้น​ทำ​ความ​เคารพ​เขา. เหตุ​ผล​ที่​มาระดะคาย​ไม่​ทำ​เช่น​นั้น​ไม่​ใช่​เพราะ​ต้องการ​ดูหมิ่น​เหยียด​หยาม​ฮามาน แต่​เพราะ​การ​ทำ​ความ​เคารพ​ฮามาน​ขัด​ต่อ​สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​ของ​เขา​และ​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​ก็​จะ​ไม่​พอ​พระทัย. แต่​ฮามาน “โกรธ​มาระดะคาย​เป็น​อัน​มาก.”—เอศเธระ 5:9

เมื่อ​ฮามาน​เล่า​ให้​ภรรยา​และ​เพื่อน ๆ ฟัง​ว่า​มาระดะคาย​ไม่​ยอม​ทำ​ความ​เคารพ​ตน พวก​เขา​ก็​แนะ​ให้​ฮามาน​ทำ​ขาหยั่ง​อัน​ใหญ่​สูง​ห้า​สิบ​ศอก (22 เมตร) และ​ขอ​อนุญาต​กษัตริย์​เพื่อ​เอา​ตัว​มาระดะคาย​ไป​แขวน​คอ​บน​ขาหยั่ง​นั้น. คำ​แนะ​นำ​นี้​ถูก​ใจ​ฮามาน​มาก เขา​จึง​รีบ​ไป​เตรียม​การ​ทันที.—เอศเธระ 5:12-14

คัมภีร์​ไบเบิล​เล่า​ว่า​คืน​นั้น “กษัตริย์​ทรง​บรรทม​ไม่​หลับ” โดย​ไม่​ทราบ​สาเหตุ. เขา​จึง​สั่ง​ให้​เจ้า​พนักงาน​เอา​บันทึก​ต่าง ๆ มา​อ่าน​ให้​ฟัง. เรื่อง​ที่​เจ้า​พนักงาน​อ่าน​นั้น​รวม​ถึง​แผน​ลอบ​สังหาร​กษัตริย์​อะหัศวะโรศ​ด้วย. เขา​จำ​เหตุ​การณ์​นั้น​ได้ และ​จำ​ได้​ว่า​เขา​สั่ง​ให้​จับ​คน​ร้าย​ไป​ประหาร​ชีวิต​แล้ว. แต่​สำหรับ​มาระดะคาย​คน​ที่​เปิดโปง​แผน​ชั่ว​นี้​ล่ะ? ทันใด​นั้น กษัตริย์​ก็​ตรัส​ถาม​ว่า​มาระดะคาย​ได้​รับ​บำเหน็จ​อะไร​บ้าง. เจ้า​พนักงาน​จึง​ทูล​ว่า​กษัตริย์​ยัง​ไม่​ได้​ประทาน​รางวัล​ให้​เขา​เลย.—เอศเธระ 6:1-3

กษัตริย์​รู้สึก​ไม่​สบาย​ใจ​จึง​ถาม​ว่า​มี​เจ้า​พนักงาน​คน​ใด​ที่​จะ​ช่วย​จัด​การ​เรื่อง​นี้​ได้​บ้าง. ตอน​นั้น​ใน​ท้อง​พระ​โรง​ไม่​มี​ใคร​เลย​นอก​จาก​ฮามาน​ซึ่ง​ดู​เหมือน​ว่า​มา​รอ​เข้า​เฝ้า​กษัตริย์​แต่​เช้า​มืด​เพื่อ​ขอ​อนุญาต​ประหาร​ชีวิต​มาระดะคาย. แต่​ฮามาน​ยัง​ไม่​ทัน​ได้​ทูล​ขอ กษัตริย์​ก็​ถาม​เขา​ว่า​จะ​ตอบ​แทน​คน​ที่​ทำ​ให้​กษัตริย์​ชอบ​ใจ​อย่าง​ไร​จึง​จะ​ดี​ที่​สุด. เนื่อง​จาก​คิด​ว่า​กษัตริย์​หมาย​ถึง​ตน ฮามาน​จึง​เสนอ​แนะ​ให้​ยกย่อง​คน​นั้น​อย่าง​ยิ่ง​ใหญ่. ฮามาน​เสนอ​ให้​เอา​ฉลองพระองค์​ของ​กษัตริย์​มา​สวม​ให้​คน​นั้น และ​ให้​ขึ้น​ขี่​ม้า​ทรง​โดย​มี​ข้าราชการ​ชั้น​สูง​จูง​ม้า​ไป​พร้อม​กับ​ป่าว​ประกาศ​ยกย่อง​คุณ​ความ​ดี​ของ​เขา​ไป​รอบ​เมือง. คิด​ดู​สิ​ว่า ฮามาน​จะ​ทำ​หน้า​อย่าง​ไร​เมื่อ​รู้​ว่า​ชาย​คน​ที่​ได้​รับ​เกียรติ​อย่าง​สูง​นั้น​คือ​มาระดะคาย! แล้ว​คน​ที่​กษัตริย์​สั่ง​ให้​ทำ​หน้า​ที่​ป่าว​ประกาศ​คุณ​ความ​ดี​ของ​มาระดะคาย​คือ​ใคร? ฮามาน​นั่น​เอง!—เอศเธระ 6:4-10

ฮามาน​คับ​แค้น​ใจ​ยิ่ง​นัก. หลัง​จาก​ทำ​ตาม​ที่​กษัตริย์​รับสั่ง​แล้ว​เขา​ก็​รีบ​กลับ​บ้าน​ด้วย​ความ​ทุกข์​ใจ. ภรรยา​และ​เพื่อน ๆ ของ​เขา​บอก​ว่า​เมื่อ​เหตุ​การณ์​เป็น​เช่น​นี้​ฮามาน​คง​ต้อง​พ่าย​แพ้​แก่​มาระดะคาย​ชาย​ชาว​ยิว​คน​นั้น​เป็น​แน่.—เอศเธระ 6:12, 13

เนื่อง​จาก​เอศเธระ​อด​ทน​รอ​ให้​เวลา​ผ่าน​ไป​อีก​วัน​หนึ่ง​ก่อน​จะ​ทูล​ขอ​ต่อ​กษัตริย์ ฮามาน​จึง​มี​โอกาส​แสดง​ธาตุ​แท้​ที่​ชั่ว​ช้า​ออก​มา​อีก​ซึ่ง​เป็น​หลักฐาน​ที่​เอศเธระ​จะ​ใช้​มัด​ตัว​เขา​ได้. และ​เป็น​ไป​ได้​ไหม​ว่า​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​อาจ​เกี่ยว​ข้อง​กับ​การ​นอน​ไม่​หลับ​ของ​กษัตริย์​ใน​คืน​นั้น? (สุภาษิต 21:1) ไม่​แปลก​ที่​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​สนับสนุน​ให้​เรา “คอย​ท่า” พระองค์. (มีคา 7:7) เมื่อ​เรา​คอย​ท่า​พระเจ้า เรา​จะ​ได้​เห็น​วิธี​แก้​ปัญหา​ของ​พระองค์​ซึ่ง​ล้ำ​ลึก​เกิน​กว่า​ที่​เรา​จะ​คิด​ออก​ได้.

เธอ​พูด​อย่าง​กล้า​หาญ

เอศเธระ​ไม่​ต้องการ​ทดสอบ​ความ​อด​ทน​ของ​กษัตริย์​อีก​ต่อ​ไป เธอ​จึง​ต้อง​ทูล​ทุก​สิ่ง​ต่อ​กษัตริย์​ใน​งาน​เลี้ยง​ครั้ง​ที่​สอง​นี้. แต่​เธอ​จะ​พูด​อย่าง​ไร? แล้ว​โอกาส​ก็​มา​ถึง​เมื่อ​กษัตริย์​ตรัส​ถาม​อีก​ครั้ง​ว่า​เธอ​ต้องการ​ขอ​สิ่ง​ใด. (เอศเธระ 7:2) ตอน​นี้​แหละ​เป็น “วาระ​พูด” ของ​เอศเธระ.

เรา​อาจ​นึก​ภาพ​ออก​ว่า​เอศเธระ​คง​อธิษฐาน​ใน​ใจ​ถึง​พระเจ้า​ก่อน​จะ​ทูล​ตอบ​ว่า “ข้า​แต่​กษัตริย์, ถ้า​แม้น​ข้าพเจ้า​มี​ความ​ชอบ​ใน​คลอง​พระ​เนตร​ของ​พระองค์, และ​ถ้า​แม้น​พระองค์​ทรง​เห็น​เป็น​การ​สม​ควร​แล้ว, ขอ​พระองค์​ทรง​ประทาน​ชีวิต​ให้​ข้าพเจ้า​ตาม​ที่​ข้าพเจ้า​กราบ​ทูล​ขอ​นั้น, และ​ญาติ​พี่​น้อง​ของ​ข้าพเจ้า​ตาม​ที่​ข้าพเจ้า​ได้​กราบ​ทูล​ขอ​นี้​เถิด.” (เอศเธระ 7:3) ขอ​ให้​สังเกต​ว่า​เธอ​ทำ​ให้​กษัตริย์​มั่น​ใจ​ว่า​เธอ​จะ​เคารพ​การ​ตัดสิน​ของ​เขา​ไม่​ว่า​กษัตริย์​จะ​คิด​เห็น​อย่าง​ไร​ก็​ตาม. เอศเธระ​แตกต่าง​มาก​จริง ๆ จาก​วัศธี​มเหสี​คน​ก่อน​ที่​จงใจ​ทำ​ให้​สามี​อับอาย​ขายหน้า! (เอศเธระ 1:10-12) นอก​จาก​นี้ เอศเธระ​ไม่​ได้​ตำหนิ​กษัตริย์​ที่​ไป​หลง​เชื่อ​คน​อย่าง​ฮามาน. แต่​เอศเธระ​ขอ​ให้​กษัตริย์​ช่วย​ปก​ป้อง​เธอ​จาก​คน​ที่​คิด​จะ​เอา​ชีวิต​เธอ.

คำ​ขอ​ของ​เอศเธระ​คง​ทำ​ให้​กษัตริย์​ทั้ง​ประทับใจ​และ​ประหลาด​ใจ. ใคร​กัน​ที่​กล้า​คิด​ร้าย​ต่อม​เห​สี​ของ​พระองค์? เอศเธระ​ทูล​ต่อ​ไป​ว่า “พวก​เรา​ถูก​ขาย​ทั้ง​หม่อม​ฉัน​และ​ชน​ชาติ​ของ​หม่อม​ฉัน ให้​ถูก​ทำลาย ให้​ถูก​สังหาร​และ​ให้​ถูก​ล้าง​ผลาญ ถ้า​พวก​เรา​ถูก​ขาย​เพียง​ให้​เป็น​ทาส​ชาย​และ​หญิง หม่อม​ฉัน​ก็​จะ​ไม่​ปริปาก เพราะ​ความ​ทุกข์​ยาก​เพียง​แค่​นี้​ไม่​อาจ​เปรียบ​กับ​ความ​เสียหาย​ของ​กษัตริย์​ได้.” (เอศเธระ 7:4, พระ​คริสตธรรม​คัมภีร์ ฉบับ​มาตรฐาน) ขอ​ให้​สังเกต​ว่า​เอศเธระ​พูด​ถึง​ปัญหา​อย่าง​ตรง​ไป​ตรง​มา. เธอ​ยัง​บอก​ด้วย​ว่า​หาก​เรื่อง​นี้​เป็น​เพียง​การ​วาง​แผนที่​จะ​ขาย​ชน​ชาติ​ของ​เธอ​ให้​เป็น​ทาส เธอ​ก็​คง​ไม่​นำ​ขึ้น​มา​กราบ​ทูล​กษัตริย์. แต่​ที่​เธอ​ไม่​อาจ​นิ่ง​เฉย​ก็​เพราะ​แผนการ​ฆ่า​ล้าง​เผ่า​พันธุ์​ชาว​ยิว​ครั้ง​นี้​จะ​ส่ง​ผล​เสีย​ต่อ​กษัตริย์​เอง.

ตัว​อย่าง​ของ​เอศเธระ​สอน​บทเรียน​สำคัญ​เกี่ยว​กับ​การ​ใช้​ศิลปะ​ใน​การ​โน้ม​น้าว​ใจ. ถ้า​คุณ​จำเป็น​ต้อง​พูด​กับ​คน​ที่​คุณ​รัก​หรือ​แม้​แต่​คน​ที่​มี​ตำแหน่ง​สูง​เกี่ยว​กับ​ปัญหา​สำคัญ​เรื่อง​หนึ่ง คุณ​อาจ​ได้​ประโยชน์​มาก​จาก​ตัว​อย่าง​ของ​เอศเธระ​ใน​เรื่อง​ความ​อด​ทน การ​ให้​ความ​นับถือ​ต่อ​ผู้​อื่น และ​การ​พูด​อย่าง​ตรง​ไป​ตรง​มา.—สุภาษิต 16:21, 23

อะหัศวะโรศ​จึง​รับสั่ง​ว่า “ผู้​ใด​มี​ใจ​อาจ​คิด​กระทำ​อย่าง​นั้น​เล่า, มัน​คือ​ผู้​ใด, และ​อยู่​ที่​ไหน?” ขอ​ให้​นึก​ภาพ​เอศเธระ​ชี้​หน้า​ฮามาน​พร้อม​กับ​พูด​ว่า “ผู้​ร้าย​และ​ศัตรู​นั้น​คือ​ฮามาน​คน​ชั่ว​นี้.” ความ​เงียบ​ครอบ​งำ​ไป​ชั่ว​ขณะ. ฮามาน​ตกใจ​กลัว​ยิ่ง​นัก. ลอง​นึก​ภาพ​ใบ​หน้า​ของ​กษัตริย์​ที่​แดง​ก่ำ​ด้วย​ความ​โกรธ​เมื่อ​รู้​ว่า​ถูก​เสนาบดี​ที่​ตน​ไว้​ใจ​หลอก​ให้​ออก​กฎหมาย​เพื่อ​ทำ​ร้าย​มเหสี​ผู้​เป็น​ที่​รัก​ของ​เขา​เอง! กษัตริย์​จึง​ผลุนผลัน​ออก​ไป​สงบ​สติ​อารมณ์​ใน​สวน.—เอศเธระ 7:5-7

ฝ่าย​ฮามาน​เมื่อ​ถูก​เปิดโปง​แผน​ชั่ว คน​ขี้ขลาด​อย่าง​เขา​ก็​เข้า​ไป​หมอบ​แทบ​เท้า​ของ​ราชินี. เมื่อ​กษัตริย์​กลับ​เข้า​มา​ใน​ห้อง ​เขา​เห็น​ฮามาน​กำลัง​วิงวอน​ขอ​ความ​เมตตา​จาก​เอศเธระ​อยู่​บน​แท่น​ประทับ​ของ​พระ​นาง. กษัตริย์​จึง​โพล่ง​ออก​มา​ด้วย​ความ​เดือดดาล​ว่า​ฮามาน​กำลัง​จะ​ข่มขืน​พระ​ราชินี​ใน​วัง​ของ​เขา. พอ​สิ้น​เสียง​กษัตริย์ ฮามาน​ก็​รู้​ว่า​ความ​ตาย​รอ​อยู่​ตรง​หน้า​แล้ว. เขา​ถูก​คลุม​หน้า​แล้ว​พา​ตัว​ออก​ไป. แล้ว​เจ้า​พนักงาน​คน​หนึ่ง​ของ​กษัตริย์​ก็​ทูล​ขึ้น​มา​ว่า​ฮามาน​ได้​ทำ​ขาหยั่ง​อัน​ใหญ่​ไว้​เพื่อ​เตรียม​แขวน​คอ​มาระดะคาย. อะหัศวะโรศ​จึง​สั่ง​ให้​เอา​ฮามาน​ไป​แขวน​บน​ขาหยั่ง​นั้น​ทันที.—เอศเธระ 7:8-10

ใน​โลก​ทุก​วัน​นี้​ที่​ไร้​ความ​ยุติธรรม เรา​อาจ​คิด​ว่า​ไม่​มี​วัน​ที่​จะ​เห็น​ความ​ยุติธรรม​ได้. คุณ​เคย​คิด​อย่าง​นั้น​ไหม? เอศเธระ​ไม่​เคย​สิ้น​หวัง ไม่​เคย​มอง​ใน​แง่​ร้าย ไม่​เคย​ขาด​ความ​เชื่อ. เมื่อ​ถึง​เวลา​ที่​เหมาะ​สม เธอ​กล้า​พูด​เพื่อ​เห็น​แก่​ความ​ถูก​ต้อง​และ​เธอ​ไว้​ใจ​ว่า​พระ​ยะโฮวา​จะ​ทำ​ส่วน​ของ​พระองค์. ให้​เรา​ทำ​เช่น​เดียว​กับ​เอศเธระ! ตั้ง​แต่​สมัย​ของ​เอศเธระ​จน​ถึง​ทุก​วัน​นี้ พระ​ยะโฮวา​ไม่​ทรง​เปลี่ยน​แปลง. พระองค์​ยัง​คง​สามารถ​ทำ​ให้​คน​ชั่ว​และ​คน​เจ้า​เล่ห์​ติด​กับดัก​ของ​พวก​เขา​เอง เช่น​เดียว​กับ​ที่​พระองค์​เคย​จัด​การ​ฮามาน.—บทเพลง​สรรเสริญ 7:11-16

เธอ​ทำ​เพื่อ​พระ​ยะโฮวา​และ​ประชาชน​ของ​พระองค์​อย่าง​ไม่​เห็น​แก่​ตัว

ใน​ที่​สุด กษัตริย์​ได้​รู้​ว่า​มาระดะคาย​ไม่​เพียง​เป็น​ผู้​ภักดี​ที่​เคย​ช่วย​พระองค์​ไว้​จาก​การ​ถูก​ลอบ​สังหาร แต่​ยัง​เป็น​บิดา​บุญธรรม​ของ​เอศเธระ​ด้วย. อะหัศวะโรศ​ได้​แต่ง​ตั้ง​มาระดะคาย​เป็น​นายก​รัฐมนตรี​แทน​ฮามาน. เขา​ยัง​ยก​บ้าน​และ​ทรัพย์​สมบัติ​มาก​มาย​ของ​ฮามาน​ให้​เอศเธระ และ​เธอ​ได้​ตั้ง​มาระดะคาย​ให้​ดู​แล​ทรัพย์​สิน​เหล่า​นั้น.—เอศเธระ 8:1, 2

ตอน​นี้​เอศเธระ​และ​มาระดะคาย​ปลอด​ภัย​แล้ว เธอ​จะ​วาง​มือ​และ​ใช้​ชีวิต​อย่าง​สุข​สบาย​ไหม? ถ้า​เธอ​คิด​ถึง​แต่​ตัว​เอง เธอ​ก็​คง​ทำ​เช่น​นั้น. อย่าง​ไร​ก็​ตาม ตอน​นี้​กฤษฎีกา​ที่​ฮามาน​ทำ​ขึ้น​เพื่อ​ฆ่า​ล้าง​เผ่า​พันธุ์​ชาว​ยิว​ถูก​ส่ง​ออก​ไป​ทั่ว​จักรวรรดิ​แล้ว. ก่อน​หน้า​นี้ ฮามาน​ได้​จับ​ฉลาก (ฟูระ) ซึ่ง​ดู​เหมือน​เป็น​การ​เสี่ยง​ทาย​รูป​แบบ​หนึ่ง​เพื่อ​เลือก​วัน​ที่​จะ​ลง​มือ​กวาด​ล้าง​ชาว​ยิว​ให้​สิ้น​ซาก. (เอศเธระ 9:24-26) วัน​นั้น​ยัง​อยู่​อีก​หลาย​เดือน​ข้าง​หน้า แต่​เวลา​ก็​ผ่าน​ไป​อย่าง​รวด​เร็ว. ยัง​มี​เวลา​ที่​จะ​แก้ไข​สถานการณ์​นี้​ไหม?

เอศเธระ​ยอม​เสี่ยง​ชีวิต​อีก​ครั้ง​โดย​ไม่​เห็น​แก่​ตัว. เธอ​ไป​เข้า​เฝ้า​อีก​แม้​ว่า​ไม่​มี​รับสั่ง​จาก​กษัตริย์. ครั้ง​นี้​เธอ​ร้องไห้​และ​อ้อน​วอน​ให้​สามี​ยก​เลิก​กฎหมาย​ที่​มุ่ง​ทำลาย​ชน​ร่วม​ชาติ​ของ​เธอ. แต่​กฎหมาย​ที่​ตรา​ขึ้น​ใน​นาม​กษัตริย์​แห่ง​เปอร์เซีย​ไม่​อาจ​ยก​เลิก​หรือ​เปลี่ยน​แปลง​ได้. (ดานิเอล 6:12, 15) ดัง​นั้น กษัตริย์​จึง​มอบ​อำนาจ​ให้​เอศเธระ​และ​มาระดะคาย​ตรา​กฎหมาย​ขึ้น​ใหม่. หมาย​ประกาศ​ฉบับ​ที่​สอง​ซึ่ง​ถูก​ส่ง​ออก​ไป​ให้​สิทธิ์​ชาว​ยิว​ต่อ​สู้​เพื่อ​ปก​ป้อง​ตัว​เอง​ได้. ม้า​เร็ว​ได้​นำ​ข่าว​ดี​นี้​ไป​แจ้ง​แก่​ชาว​ยิว​ทั่ว​จักรวรรดิ. ข่าว​นี้​จุด​ประกาย​แห่ง​ความ​หวัง​ขึ้น​ใน​ใจ​ของ​ประชาชน. (เอศเธระ 8:3-16) เรา​คง​นึก​ภาพ​ออก​ว่า​ชาว​ยิว​ทั่ว​จักรวรรดิ​อัน​กว้าง​ใหญ่​เตรียม​จัด​หา​อาวุธ​และ​ผู้​คน​เอา​ไว้​เพื่อ​การ​ต่อ​สู้ ซึ่ง​พวก​เขา​คง​ทำ​เช่น​นี้​ไม่​ได้​ถ้า​ไม่​มี​กฎหมาย​ฉบับ​ใหม่​นี้. แต่​ที่​สำคัญ​กว่า​นั้น​คือ “พระ​ยะโฮวา​ของ​พล​โยธา” จะ​อยู่​กับ​ประชาชน​ของ​พระองค์​ไหม?—1 ซามูเอล 17:45

เมื่อ​วัน​ที่​ฮามาน​กำหนด​ไว้​มา​ถึง ประชาชน​ของ​พระเจ้า​ก็​พร้อม​แล้ว. ตอน​นี้​แม้​แต่​ข้าราชการ​ชาว​เปอร์เซีย​หลาย​คน​ก็​มา​อยู่​ฝ่าย​พวก​เขา​เพราะ​ข่าว​ที่​แพร่​ออก​ไป​ทั่ว​ทุก​สาร​ทิศ​ว่า​มาระดะคาย​ชาว​ยิว​ได้​เป็น​นายก​รัฐมนตรี​คน​ใหม่. พระ​ยะโฮวา​ประทาน​ชัย​ชนะ​อัน​ยิ่ง​ใหญ่​แก่​ประชาชน​ของ​พระองค์. แน่นอน​ว่า​พระองค์​ต้อง​ปราบ​ศัตรู​ของ​ชาว​ยิว​ให้​ราบ​คาบ​เพื่อ​ให้​แน่​ใจ​ว่า​ประชาชน​ของ​พระองค์​จะ​ไม่​ถูก​ทำ​ร้าย​อีก​ใน​วัน​ข้าง​หน้า. *เอศเธระ 9:1-6

นอก​จาก​นั้น มาระดะคาย​คง​ไม่​สามารถ​ปกครอง​ครัว​เรือน​ของ​ฮามาน​ได้​อย่าง​ราบรื่น​ถ้า​ลูก​ชาย​สิบ​คน​ของ​ชาย​ที่​ชั่ว​ช้า​นี้​ยัง​มี​ชีวิต​อยู่. พวก​เขา​จึง​ถูก​ฆ่า​เช่น​กัน. (เอศเธระ 9:7-10) ด้วย​เหตุ​นี้ คำ​พยากรณ์​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​จึง​สำเร็จ​ตาม​ที่​พระเจ้า​ทรง​บอก​ไว้​ล่วง​หน้า​ว่า​ชาว​อะมาเลค​จะ​ต้อง​ถูก​ทำลาย​จน​สิ้น​ชาติ เพราะ​พวก​เขา​เป็น​ศัตรู​ที่​ร้ายกาจ​ของ​ประชาชน​ของ​พระเจ้า. (พระ​บัญญัติ 25:17-19) ลูก​ชาย​สิบ​คน​ของ​ฮามาน​คง​เป็น​ชาติ​อะมาเลค​กลุ่ม​สุด​ท้าย​ที่​ถูก​พระเจ้า​พิพากษา​ลง​โทษ.

เอศเธระ​ต้อง​แบก​รับ​ภาระ​ที่​หนัก​อึ้ง​หลาย​อย่าง​แม้​เป็น​เพียง​ผู้​หญิง​ตัว​เล็ก ๆ เช่น การ​ออก​กฤษฎีกา​ที่​เกี่ยว​กับ​สงคราม​และ​การ​ประหาร​ชีวิต​เหล่า​ศัตรู. ภารกิจ​เหล่า​นี้​คง​ไม่​ง่าย​สำหรับ​เธอ. แต่​พระ​ยะโฮวา​ทรง​ประสงค์​ให้​ประชาชน​ของ​พระองค์​ได้​รับ​การ​ปก​ป้อง​จาก​การ​ถูก​ทำลาย​ล้าง. ชาติ​อิสราเอล​ต้อง​อยู่​ต่อ​ไป​จน​กว่า​พระ​มาซีฮา​จะ​มา​ประสูติ​และ​ท่าน​ผู้​นี้​คือ​ความ​หวัง​เดียว​ของ​มนุษยชาติ! (เยเนซิศ 22:18) ผู้​รับใช้​ของ​พระเจ้า​ใน​สมัย​นี้​ดีใจ​ที่​ได้​รู้​ว่า​เมื่อ​พระ​เยซู​เสด็จ​มา​ยัง​แผ่นดิน​โลก​ใน​ฐานะ​มาซีฮา พระองค์​ได้​สั่ง​เหล่า​สาวก​ว่า​พวก​เขา​ต้อง​ไม่​มี​ส่วน​ใน​สงคราม​หรือ​การ​สู้​รบ​ใด ๆ.—มัดธาย 26:52

อย่าง​ไร​ก็​ตาม คริสเตียน​ยัง​มี​การ​สู้​รบ​อีก​แบบ​หนึ่ง​คือ​การ​ต่อ​สู้​เพื่อ​ความ​เชื่อ และ​ซาตาน​ก็​ทุ่มเท​ความ​พยายาม​มาก​ขึ้น​กว่า​เดิม​เพื่อ​ทำลาย​ความ​เชื่อ​ของ​เรา​ใน​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า. (2 โครินท์ 10:3, 4) นับ​ว่า​เป็น​ประโยชน์​จริง ๆ ที่​เรา​มี​เอศเธระ​เป็น​แบบ​อย่าง! ขอ​ให้​เรา​เลียน​แบบ​ความ​เชื่อ​ของ​เอศเธระ​โดย​ใช้​ศิลปะ​ใน​การ​โน้ม​น้าว​ใจ​อย่าง​รอบคอบ​และ​อด​ทน แสดง​ความ​กล้า​หาญ และ​เต็ม​ใจ​เสี่ยง​ชีวิต​เพื่อ​ปก​ป้อง​ประชาชน​ของ​พระเจ้า​อย่าง​ไม่​เห็น​แก่​ตัว.

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 4 ใน​เรื่อง​แรก​ของ​ชุด​บทความ​นี้ เรา​ได้​รู้​ว่า​เอศเธระ​เป็น​เด็ก​กำพร้า​และ​มาระดะคาย​ลูก​พี่​ลูก​น้อง​ที่​อายุ​มาก​กว่า​ได้​รับ​เธอ​มา​เลี้ยง​เป็น​บุตร​บุญธรรม และ​ต่อ​มา​เธอ​ถูก​เลือก​เป็น​มเหสี​ของ​กษัตริย์​อะหัศวะโรศ​แห่ง​เปอร์เซีย. ฮามาน​ที่​ปรึกษา​ของ​กษัตริย์​คิด​วาง​แผน​ชั่ว​เพื่อ​กำจัด​ชาว​ยิว​ชน​ร่วม​ชาติ​ของ​มาระดะคาย. มาระดะคาย​แนะ​นำ​ให้​เอศเธระ​ไป​เข้า​เฝ้า​กษัตริย์​เพื่อ​ขอ​ให้​ไว้​ชีวิต​ประชาชน​ของ​เธอ.—ดู​บทความ “จง​เลียน​แบบ​ความ​เชื่อ​ของ​เขา—เธอ​เสี่ยง​ชีวิต​เพื่อ​ปก​ป้อง​ประชาชน​ของ​พระเจ้า” ใน​หอสังเกตการณ์ ฉบับ 1 ตุลาคม 2011.

^ วรรค 32 กษัตริย์​อนุญาต​ให้​ชาว​ยิว​กวาด​ล้าง​ศัตรู​ได้​อีก​ใน​วัน​ที่​สอง. (เอศเธระ 9:12-14) ทุก​วัน​นี้ ใน​ฤดู​ใบ​ไม้​ผลิ​ของ​ทุก​ปี​ชาว​ยิว​ยัง​ฉลอง​ชัย​ชนะ​ครั้ง​นั้น​ใน​เทศกาล​ที่​เรียก​ว่า​พู​ริม (ฟูริม) ซึ่ง​ตั้ง​ชื่อ​ตาม​ฉลาก​ที่​ฮามาน​จับ​เพื่อ​กำหนด​วัน​ฆ่า​ล้าง​เผ่า​พันธุ์​ชาว​อิสราเอล.

[กรอบ​หน้า 28]

คำ​ถาม​เกี่ยว​กับ​เอศเธระ

ทำไม​มาระดะคาย​ยอม​ให้​เอศเธระ​แต่งงาน​กับ​คน​ต่าง​ชาติ​ที่​ไม่​นมัสการ​พระเจ้า?

ไม่​มี​หลักฐาน​ใด ๆ สนับสนุน​คำ​กล่าว​ของ​นัก​วิชาการ​บาง​คน​ที่​อ้าง​ว่า​มาระดะคาย​เป็น​นัก​ฉวย​โอกาส​ที่​ต้องการ​ให้​เอศเธระ​แต่งงาน​เพราะ​เห็น​แก่​เกียรติยศ​ชื่อเสียง. ใน​ฐานะ​ชาว​ยิว​ที่​ซื่อ​สัตย์ มาระดะคาย​คง​ไม่​เห็น​ด้วย​กับ​การ​แต่งงาน​เช่น​นั้น. (พระ​บัญญัติ 7:3) คำ​สอน​สืบ​ปาก​ของ​ชาว​ยิว​โบราณ​บอก​ว่า​มาระดะคาย​พยายาม​ขัด​ขวาง​การ​แต่งงาน​ครั้ง​นี้. แต่​ดู​เหมือน​ว่า​ทั้ง​มาระดะคาย​และ​เอศเธระ​ไม่​มี​ทาง​เลือก เพราะ​พวก​เขา​เป็น​เพียง​ชน​ต่าง​ชาติ​ที่​มา​อาศัย​ใน​ดินแดน​ซึ่ง​กษัตริย์​มี​อำนาจ​สิทธิ์​ขาด​ราว​กับ​เทพเจ้า. เมื่อ​เวลา​ผ่าน​ไป​ก็​เห็น​ได้​ชัด​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ทรง​ใช้​การ​แต่งงาน​ของ​เอศเธระ​เป็น​ช่อง​ทาง​ใน​การ​ปก​ป้อง​ประชาชน​ของ​พระองค์.—เอศเธระ 4:14

ทำไม​ไม่​มี​การ​เอ่ย​ถึง​นาม​ยะโฮวา พระ​นาม​เฉพาะ​ของ​พระเจ้า​ใน​หนังสือ​เอศเธระ?

ดู​เหมือน​ว่า​มาระดะคาย​ได้​รับ​การ​ดล​ใจ​ให้​เขียน​หนังสือ​นี้. ตอน​แรก​หนังสือ​เล่ม​นี้​อาจ​ถูก​รวม​ไว้​ใน​พงศาวดาร​ของ​เปอร์เซีย​ก่อน​จะ​ถูก​นำ​กลับ​มา​ยัง​กรุง​เยรูซาเลม. การ​ใช้​พระ​นาม​ยะโฮวา​อาจ​ทำ​ให้​ผู้​นมัสการ​พระ​ต่าง ๆ ของ​ชาว​เปอร์เซีย​โกรธ​แค้น​และ​ทำลาย​หนังสือ​นี้. ไม่​ว่า​จะ​อย่าง​ไร บทบาท​ของ​พระ​ยะโฮวา​ก็​เห็น​ได้​ชัด. น่า​สนใจ​ที่​ว่า​ใน​ข้อ​ความ​ต้น​ฉบับ​ภาษา​ฮีบรู​มี​พระ​นาม​ของ​พระเจ้า​ซ่อน​อยู่​ใน​แบบ​อะครอสติก ซึ่ง​ถ้า​นำ​อักษร​ตัว​แรก​หรือ​ตัว​สุด​ท้าย​ของ​แต่​ละ​วรรค​มา​เรียง​กัน​ก็​จะ​ปรากฏ​เป็น​พระ​นาม​เฉพาะ​ของ​พระเจ้า.—เอศเธระ 1:20

หนังสือ​เอศเธระ​ไม่​ลง​รอย​กับ​ประวัติศาสตร์​จริง ๆ หรือ?

บรรดา​นัก​วิจารณ์​ได้​ตั้ง​ข้อ​สงสัย​เช่น​นั้น. อย่าง​ไร​ก็​ตาม ผู้​เชี่ยวชาญ​บาง​คน​สังเกต​ว่า​ผู้​เขียน​หนังสือ​นี้​ให้​ราย​ละเอียด​ที่​น่า​ทึ่ง​เกี่ยว​กับ​ราชสำนัก สถาปัตยกรรม และ​ธรรมเนียม​ประเพณี​ของ​ชาว​เปอร์เซีย. จริง​อยู่ ไม่​มี​การ​เอ่ย​ถึง​ราชินี​เอศเธระ​ใน​เอกสาร​ทาง​ประวัติศาสตร์​ที่​ยัง​หลง​เหลือ​อยู่ แต่​เธอ​ก็​ไม่​ใช่​สมาชิก​ราชวงศ์​เพียง​คน​เดียว​ที่​ถูก​ลบ​ชื่อ​ออก​จาก​พงศาวดาร​ที่​ประชาชน​ทั่ว​ไป​หา​อ่าน​ได้. นอก​จาก​นั้น บันทึก​ของ​นัก​ประวัติศาสตร์​ยัง​แสดง​ว่า​เคย​มี​ชาย​คน​หนึ่ง​ชื่อ​มาร์ดูคา (ชื่อ​ภาษา​เปอร์เซีย​ของ​มาระดะคาย) เป็น​ข้าราชสำนัก​ใน​ราชวัง​ชูชาน​สมัย​เดียว​กับ​ที่​มี​การ​เขียน​หนังสือ​นี้.

[กรอบ​หน้า 29]

คำ​พยากรณ์​ข้อ​หนึ่ง​สำเร็จ​เป็น​จริง

ใน​การ​ต่อ​สู้​เพื่อ​ปก​ป้อง​ประชาชน​ของ​พระเจ้า เอศเธระ​กับ​มาระดะคาย​ได้​ทำ​ให้​คำ​พยากรณ์​อีก​ข้อ​หนึ่ง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​สำเร็จ​เป็น​จริง. กว่า​หนึ่ง​พัน​สอง​ร้อย​ปี​ก่อน​หน้า​นั้น พระ​ยะโฮวา​ทรง​ดล​ใจ​ให้​ยาโคบ​ปฐม​บรรพบุรุษ​บอก​ล่วง​หน้า​เกี่ยว​กับ​บุตร​ชาย​คน​หนึ่ง​ของ​ท่าน​ดัง​นี้: “เบ็นยามิน​นั้น​เป็น​สุนัข​ป่า​ที่​เที่ยว​ยื้อ​แย่ง​อาหาร; เวลา​เช้า​ก็​กิน​เสีย, เวลา​เย็น​ก็​แบ่ง​ปัน​ของ​ที่​แย่ง​ชิง​ไว้.” (เยเนซิศ 49:27) ใน “เวลา​เช้า” หรือ​ช่วง​ต้น​ของ​ประวัติศาสตร์​ชาติ​อิสราเอล​สมัย​ที่​มี​กษัตริย์​ปกครอง ลูก​หลาน​ตระกูล​เบนยามิน​ตาม​คำ​พยากรณ์​ข้อ​นี้​ได้​แก่​กษัตริย์​ซาอูล​และ​นัก​รบ​ผู้​กล้า​คน​อื่น ๆ ที่​ต่อ​สู้​เพื่อ​ประชาชน​ของ​พระ​ยะโฮวา. ส่วน​ใน “เวลา​เย็น” หรือ​ช่วง​ปลาย​ของ​ประวัติศาสตร์​ซึ่ง​เป็น​ช่วง​ที่​ชาว​อิสราเอล​ไม่​มี​กษัตริย์​ปกครอง ลูก​หลาน​ตระกูล​เบนยามิน​สอง​คน​คือ​เอศเธระ​กับ​มาระดะคาย​ได้​ต่อ​สู้​และ​เอา​ชนะ​ศัตรู​ของ​พระ​ยะโฮวา. นอก​จาก​นี้ พวก​เขา​ได้​แบ่ง​ปัน​ของ​ที่​แย่ง​ชิง​มา​ใน​แง่​ที่​ว่า​พวก​เขา​ได้​ครอบครอง​ทรัพย์​สิน​มาก​มาย​ของ​ฮามาน.

[ภาพ​หน้า 25]

เอศเธระ​ยอม​รับ​ด้วย​ความ​ถ่อม​ใจ​ว่า​จำเป็น​ต้อง​ได้​รับ​ความ​เมตตา​จาก​กษัตริย์

[ภาพ​หน้า 26, 27]

เอศเธระ​กล้า​เปิดโปง​ความ​ชั่ว​ช้า​ของ​ฮามาน

[ภาพ​หน้า 28, 29]

เอศเธระ​กับ​มาระดะคาย​ส่ง​หมาย​ประกาศ​ไป​ถึง​ชาว​ยิว​ทั่ว​จักรวรรดิ​เปอร์เซีย