แม้จะผิดหวังแต่ท่านก็ยังอดทน
จงเลียนแบบความเชื่อของเขา
แม้จะผิดหวังแต่ท่านก็ยังอดทน
ซามูเอลรู้สึกได้ถึงความเศร้าสลดที่มีอยู่ทั่วเมืองชีโลห์. ดูเหมือนว่าทั้งเมืองจะเจิ่งนองไปด้วยน้ำตา. มีบ้านหลังใดบ้างที่ไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ของผู้หญิงและเด็กดังออกมา? พวกเขาร้องไห้คร่ำครวญเมื่อได้ข่าวการจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับของบิดา, สามี, ลูกชาย และพี่ชายน้องชาย. เรารู้แต่เพียงว่าชาวอิสราเอลสูญเสียทหารไป 30,000 นายหลังจากพ่ายแพ้แก่กองทัพฟิลิสติน (ฟะลิศตีม) อย่างราบคาบ ทั้ง ๆ ที่ในการรบครั้งก่อนพวกเขาเพิ่งเสียทหารไป 4,000 นาย.—1 ซามูเอล 4:1, 2, 10
นั่นเป็นแค่เสี้ยวหนึ่งของโศกนาฏกรรมที่เกิดกับชาตินี้. มหาปุโรหิตเอลีมีลูกชายที่ชั่วช้าสองคนชื่อฮฟนีและฟีนะฮาศ. พวกเขาหามหีบสัญญาอันศักดิ์สิทธิ์นำหน้ากองทัพออกจากชีโลห์. โดยปกติแล้วหีบนี้จะเก็บไว้ในห้องบริสุทธิ์ของพลับพลาซึ่งมีลักษณะคล้ายกระโจม. หีบที่มีค่านี้เป็นเครื่องหมายแสดงถึงการประทับของพระเจ้า. ประชาชนที่ออกรบจึงนำหีบไปด้วยเพราะคิดอย่างโง่เขลาว่าหีบนี้จะเป็นเหมือนเครื่องรางที่ช่วยปกป้องคุ้มครองและทำให้พวกเขาได้รับชัยชนะ. แต่ชาวฟิลิสตินได้ยึดหีบนั้นไปและฆ่าฮฟนีกับฟีนะฮาศเสีย.—1 ซามูเอล 4:3-11
พลับพลาที่ชีโลห์เป็นที่เก็บหีบศักดิ์สิทธิ์นี้มานานหลายศตวรรษ. แต่บัดนี้ไม่มีหีบนั้นอีกแล้ว. เมื่อได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้นกับหีบสัญญา เอลีซึ่งอายุ 98 ปีแล้วก็หงายหลังตกจากเก้าอี้ถึงแก่ความตาย. ลูกสะใภ้ของท่านซึ่งเพิ่งเป็นม่ายในวันนั้นเองก็เสียชีวิตหลังจากคลอดบุตรได้ไม่นาน. ก่อนสิ้นใจนางกล่าวว่า “สง่าราศีได้พรากจากอิสราเอลแล้ว.” จริงทีเดียว ชีโลห์ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป.—1 ซามูเอล 4:12-22, ฉบับแปลคิงเจมส์
ซามูเอลจะรับมือกับความผิดหวังและความทุกข์ใจในครั้งนี้ได้อย่างไร? ท่านยังมีความเชื่อเข้มแข็งพอที่จะช่วยประชาชนไหม เนื่องจากพวกเขาได้สูญเสียความโปรดปรานและไม่ได้รับการคุ้มครองจากพระยะโฮวาอีกต่อไปแล้ว? บางครั้งบางคราว พวกเราในทุกวันนี้อาจเผชิญความยากลำบากและความผิดหวังซึ่งทดสอบความเชื่อของเรา ดังนั้น ให้เรามาดูว่าเราจะเรียนอะไรได้บ้างจากตัวอย่างของซามูเอล.
ท่าน “ทำการชอบธรรม”
ต่อจากนั้น บันทึกของคัมภีร์ไบเบิลเปลี่ยนจากเรื่องของซามูเอลไปเป็นเรื่องหีบศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกชาวฟิลิสตินยึดไป โดยเล่าว่าพวกเขาประสบความเดือดร้อนอย่างหนักจนต้องส่งหีบนั้นกลับคืน. เมื่อเรื่องราวย้อนกลับมาที่ซามูเอลอีกครั้งหนึ่ง เวลาก็ผ่านไปประมาณ 20 ปีแล้ว. (1 ซามูเอล 7:2) ตลอดช่วงเวลานั้นซามูเอลทำอะไร? คัมภีร์ไบเบิลบอกให้เราทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้.
เรารู้ว่าก่อนที่หีบจะถูกยึดไป ซามูเอลได้ “ถ่ายทอดคำตรัสของพระองค์แก่ชาวอิสราเอลทั้งปวงอยู่เรื่อย ๆ.” (1 ซามูเอล 4:1, ล.ม.) บันทึกเล่าเรื่องราวหลังจาก 20 ปีผ่านไปว่า ซามูเอลไปเยี่ยมเมืองสามเมืองในอิสราเอลเป็นประจำทุกปีเพื่อพิจารณาคดีความและตอบข้อสงสัยต่าง ๆ. ทุกครั้งที่เยี่ยมเมืองเหล่านั้นเสร็จแล้ว ท่านก็กลับไปยังเมืองรามาห์บ้านเกิดของท่าน. (1 ซามูเอล 7:15-17) เห็นได้ชัดว่า ซามูเอลมีงานยุ่งอยู่เสมอ และในช่วง 20 ปีนั้นท่านมีงานมากมายที่ต้องทำ.
การประพฤติผิดประเวณีและการทุจริตฉ้อโกงที่ลูกชายสองคนของเอลีทำไปนั้นได้บั่นทอนความเชื่อของประชาชนทั้งชาติ. ดูเหมือนว่าการกระทำดังกล่าวส่งผลให้ผู้คนมากมายหันไปไหว้รูปเคารพ. แต่หลังจากทำงานอย่างไม่หยุดหย่อนตลอดยี่สิบปี ในที่สุดซามูเอลก็แจ้งข่าวแก่ชาวอิสราเอลว่า “ถ้าท่านทั้งหลายจะกลับมาหาพระยะโฮวาด้วยสิ้น1 ซามูเอล 7:3
สุดใจ, ก็ให้ละทิ้งพระต่างประเทศและรูปอัศธาโรธจากท่ามกลางท่านทั้งหลาย, จงตั้งใจแสวงหาและปฏิบัติพระยะโฮวาองค์เดียว, พระองค์จึงจะทรงช่วยท่านทั้งหลายให้พ้นจากเงื้อมมือพวกฟะลิศตีม.”—ชาวอิสราเอลประสบความเดือดร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ภายใต้ “เงื้อมมือพวกฟะลิศตีม.” หลังจากทำลายกองทัพของชาวอิสราเอลได้อย่างราบคาบ พวกฟิลิสตินรู้สึกฮึกเหิมและกดขี่ประชาชนของพระเจ้าโดยไม่หวั่นเกรงผู้ใด. แต่ซามูเอลรับรองกับประชาชนว่าสภาพการณ์จะเปลี่ยนไป ถ้าพวกเขาหันกลับมาหาพระยะโฮวา. พวกเขาจะเต็มใจกลับมาหาพระองค์ไหม? ซามูเอลดีใจที่พวกเขาทิ้งรูปเคารพและเริ่ม “ปฏิบัติพระยะโฮวาแต่องค์เดียว.” ซามูเอลเรียกประชาชนให้มาชุมนุมกันที่เมืองมิซพาห์ (มิศพา) ซึ่งอยู่แถบภูเขาทางเหนือของเยรูซาเลม. ผู้คนก็มาชุมนุมกัน อดอาหาร และกลับใจจากบาปหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับการไหว้รูปเคารพซึ่งพวกเขาได้ทำ.—1 ซามูเอล 7:4-6
อย่างไรก็ตาม เมื่อชาวฟิลิสตินรู้เรื่องการชุมนุมใหญ่นี้ก็ถือโอกาสบุกโจมตี. พวกเขาส่งกองทหารมายังมิซพาห์เพื่อปราบปรามผู้นมัสการพระยะโฮวา. ชาวอิสราเอลได้ยินข่าวว่ากองทัพของศัตรูบุกเข้ามาใกล้แล้ว. ด้วยความหวาดกลัว พวกเขาได้ขอให้ซามูเอลทูลอธิษฐานเพื่อพวกเขา. ซามูเอลก็อธิษฐานและถวายเครื่องบูชาด้วย. ขณะที่กำลังถวายเครื่องบูชานั้น กองทัพฟิลิสตินก็มาถึงมิซพาห์. แล้วพระยะโฮวาก็ตอบคำอธิษฐานของซามูเอลโดยให้มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวซึ่งแสดงถึงพระพิโรธของพระองค์. พระองค์ “ทรงบันดาลให้เกิดฟ้าร้องเสียงดังต่อพวกฟะลิศตีม.”—1 ซามูเอล 7:7-11
เราควรนึกภาพชาวฟิลิสตินเป็นเหมือนเด็กเล็ก ๆ ที่วิ่งเข้าไปหลบหลังแม่ด้วยความกลัวเมื่อได้ยินเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าไหม? ไม่เลย เพราะทหารเหล่านี้ล้วนเป็นชายฉกรรจ์ที่ผ่านศึกสงครามมาแล้วมากมาย. ฉะนั้น เสียงฟ้าร้องนี้คงต้องดังสนั่นอย่างที่พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน. นั่นเป็นเสียงที่ “ดัง” กึกก้องที่สุดเมื่อเทียบกับเสียงฟ้าร้องทั่ว ๆ ไปไหม? เสียงนั้นดังมาจากท้องฟ้าที่ไร้เมฆหมอก หรือเป็นเสียงสะท้อนที่ดังก้องไปทั่วหุบเขาไหม? ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เสียงนั้นได้ทำให้พวกฟิลิสตินตกใจกลัวจนทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว. เมื่อเกิดความสับสนอลหม่านอย่างหนัก พวกเขาจึงกลับกลายเป็นฝ่ายถูกไล่ล่าในทันใด. ชาวอิสราเอลวิ่งกรูลงมาจากมิซพาห์ ไล่ตีพวกฟิลิสตินไปไกลจนถึงทางตะวันตกเฉียงใต้ของเยรูซาเลม.—1 ซามูเอล 7:11
การรบครั้งนี้ทำให้สถานการณ์พลิกผัน. ชาวฟิลิสตินไม่มารุกรานชาวอิสราเอลอีกเลยตลอดช่วงเวลาที่ซามูเอลทำหน้าที่ผู้พิพากษา. เมืองต่าง ๆ ที่ถูกยึดไปก็กลับมาเป็นของชาวอิสราเอลอีกครั้งหนึ่ง.—1 ซามูเอล 7:13, 14
หลายศตวรรษต่อมา อัครสาวกเปาโลได้เอ่ยชื่อซามูเอลพร้อมกับผู้พิพากษาและผู้พยากรณ์ที่ซื่อสัตย์คนอื่น ๆ ซึ่งได้ “ทำการชอบธรรม.” (ฮีบรู 11:32, 33) ซามูเอลได้ช่วยเหลือประชาชนมากจริง ๆ ให้กลับมาทำสิ่งที่ดีงามและถูกต้องในสายพระเนตรของพระเจ้า. ท่านทำหน้าที่ของตนได้อย่างดีเยี่ยมเสมอเพราะท่านรอคอยพระยะโฮวาด้วยความอดทน และทำงานอย่างซื่อสัตย์แม้จะประสบความผิดหวังหลายอย่าง. นอกจากนั้น ท่านยังเป็นคนที่รู้จักสำนึกบุญคุณด้วย. หลังจากได้รับชัยชนะที่มิซพาห์ ซามูเอลเอาศิลาก้อนหนึ่งตั้งไว้เป็นอนุสรณ์เพื่อระลึกถึงการที่พระยะโฮวาได้ช่วยประชาชนของพระองค์ในครั้งนั้น.—1 ซามูเอล 7:12
คุณอยาก “ทำการชอบธรรม” ด้วยไหม? ถ้าเช่นนั้นคุณน่าจะเรียนจากตัว
อย่างของซามูเอลในเรื่องความอดทน ความถ่อมใจ และการรู้จักสำนึกบุญคุณ. นี่เป็นคุณสมบัติที่เราทุกคนจำเป็นต้องมีมิใช่หรือ? นับว่าดีที่ซามูเอลได้พัฒนาคุณลักษณะเช่นนั้นตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะอีกหลายปีหลังจากนั้นท่านได้เจอกับเรื่องที่ทำให้เป็นทุกข์และผิดหวังมากขึ้น.“บุตรของท่านหาดำเนินตามเยี่ยงอย่างของท่านไม่”
เมื่อบันทึกกล่าวถึงซามูเอลอีกครั้ง ท่านก็ “ชราแล้ว.” ตอนนั้นท่านมีบุตรชายที่เป็นผู้ใหญ่แล้วสองคนคือโยเอลกับอะบิยา และท่านได้มอบหมายให้พวกเขาช่วยทำหน้าที่ผู้พิพากษา. แต่น่าเสียดายที่พวกเขาทำให้ท่านผิดหวัง. แม้ซามูเอลจะเป็นคนซื่อสัตย์และชอบธรรม แต่บุตรชายของท่านกลับใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อหาประโยชน์ใส่ตัว ทั้งทุจริตคดโกงและรับสินบน.—1 ซามูเอล 8:1-3
วันหนึ่งพวกผู้เฒ่าผู้แก่ของอิสราเอลมาร้องเรียนต่อผู้พยากรณ์ซามูเอล. พวกเขากล่าวว่า “บุตรของท่านหาดำเนินตามเยี่ยงอย่างของท่านไม่.” (1 ซามูเอล 8:4, 5) ซามูเอลรู้ปัญหานี้อยู่แล้วไหม? บันทึกไม่ได้บอกไว้. แต่ซามูเอลไม่ใช่บิดาแบบเอลีที่สมควรถูกตำหนิ. พระยะโฮวาทรงตำหนิและลงโทษเอลีเพราะท่านไม่ได้ว่ากล่าวแก้ไขบุตรชายที่ทำชั่วและยังนับถือบุตรชายยิ่งกว่าพระเจ้า. (1 ซามูเอล 2:27-29) แต่พระยะโฮวาไม่เคยตำหนิซามูเอลเช่นนั้นเลย.
พระคัมภีร์ไม่ได้บอกว่าซามูเอลปวดร้าวใจ, อับอาย, กังวล หรือผิดหวังมากแค่ไหนเมื่อรู้ว่าบุตรชายของท่านประพฤติชั่ว. แต่พ่อแม่หลายคนคงเข้าใจดีว่าท่านรู้สึกอย่างไร. ในสมัยที่ชั่วช้านี้ การขัดขืนอำนาจและไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่มีให้เห็นอยู่ทั่วไป. (2 ติโมเธียว 3:1-5) พ่อแม่ที่ต้องทุกข์ใจเพราะมีลูกเช่นนั้นอาจได้กำลังใจและได้แง่คิดที่ดีจากตัวอย่างของซามูเอล. ท่านไม่ได้ปล่อยให้การประพฤติที่ไม่ซื่อสัตย์ของบุตรชายส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของท่านแม้แต่น้อย. อย่าลืมว่าแม้คำพูดหรือการอบรมสั่งสอนของพ่อแม่จะไม่อาจทำให้หัวใจที่แข็งกระด้างของลูกอ่อนลงได้ แต่ตัวอย่างของพ่อแม่ก็ยังมีพลังในการสอนอยู่เสมอ. และพ่อแม่เองยังสามารถทำให้พระยะโฮวาพระเจ้าผู้เป็นพระบิดาของพวกเขาปลื้มใจได้เสมอเช่นเดียวกับซามูเอล.
“ขอโปรดตั้งกษัตริย์” ให้พวกข้าพเจ้า
บุตรชายสองคนของซามูเอลคงนึกไม่ถึงว่าความโลภและความเห็นแก่ตัวของพวกเขาส่งผลกระทบมากแค่ไหน. ผู้เฒ่าผู้แก่ของอิสราเอลบอกซามูเอลอีกว่า “ขอโปรดตั้งกษัตริย์, เพื่อจะได้ทรงพิพากษาพวกข้าพเจ้าทั้งหลายเหมือน1 ซามูเอล 8:5, 6
ชาวนานาประเทศ.” ซามูเอลจะคิดว่าคำขอนั้นเป็นการปฏิเสธท่านไหม? ที่จริงท่านทำหน้าที่ผู้พิพากษาประชาชนของพระยะโฮวามาหลายทศวรรษแล้ว. ตอนนี้พวกเขาไม่ต้องการแค่ผู้พยากรณ์อย่างซามูเอลอีกต่อไป แต่ต้องการจะมีกษัตริย์เป็นผู้พิพากษาพวกเขา. ชาติต่าง ๆ รอบข้างล้วนแต่มีกษัตริย์ และชาติอิสราเอลก็อยากจะมีกษัตริย์ด้วย! ซามูเอลรู้สึกอย่างไร? บันทึกกล่าวว่าท่าน “ไม่เห็นชอบด้วย.”—ขอให้สังเกตว่าพระยะโฮวาตอบอย่างไรเมื่อซามูเอลทูลเรื่องนี้ต่อพระองค์ในคำอธิษฐาน. พระองค์ตรัสว่า “ฟังถ้อยคำทุกประการที่ประชาชนพูดกับเจ้าเถิด เขาไม่ได้ละทิ้งเจ้า แต่เขาปฏิเสธเรา ไม่ยอมให้เราเป็นกษัตริย์ของเขา.” ซามูเอลคงมีกำลังใจขึ้น แต่ถึงอย่างไรการที่ประชาชนร้องขอเช่นนั้นก็เป็นการดูถูกดูหมิ่นพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ใหญ่ยิ่ง! พระยะโฮวาบอกผู้พยากรณ์ซามูเอลให้เตือนชาวอิสราเอลว่าถ้ามีกษัตริย์ที่เป็นมนุษย์พวกเขาจะต้องประสบความลำบากหลายอย่าง. เมื่อซามูเอลแจ้งแก่ประชาชนตามที่พระเจ้าสั่ง พวกเขายืนกรานว่า “ไม่เอา! พวกเราต้องการกษัตริย์ เราจะได้เหมือนชาติอื่น มีกษัตริย์ปกครอง.” ซามูเอลก็เชื่อฟังพระเจ้าเช่นเคย และได้ไปเจิมผู้ที่พระเจ้าเลือกให้เป็นกษัตริย์.—1 ซามูเอล 8:7-19, ฉบับประชานิยม
แต่ซามูเอลเชื่อฟังแบบไหน? ท่านเชื่อฟังแบบจำใจและรู้สึกขุ่นเคืองไหม? ท่านปล่อยให้ความผิดหวังครอบงำจิตใจจนรู้สึกขมขื่นไหม? หลายคนอาจเป็นอย่างนั้นหากตกอยู่ในสภาพการณ์เดียวกัน แต่ไม่ใช่ซามูเอล. ท่านได้เจิมซาอูลเป็นกษัตริย์และยอมรับว่าพระยะโฮวาได้เลือกชายผู้นี้. ท่านจูบซาอูลซึ่งแสดงว่าท่านยินดีและเต็มใจยอมอยู่ใต้อำนาจของกษัตริย์องค์ใหม่. และซามูเอลพูดกับประชาชนว่า “ท่านเห็นผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกไว้แล้วหรือในท่ามกลางประชาชนไม่มีใครเหมือนท่าน.”—1 ซามูเอล 10:1, 24, ฉบับ R73
ซามูเอลไม่ได้เพ่งมองข้อบกพร่องแต่มองคุณสมบัติที่ดีในตัวของผู้ที่พระยะโฮวาเลือก. ท่านไม่ได้สนใจว่าจะต้องเอาอกเอาใจประชาชนที่จิตใจโลเล แต่มุ่งที่จะรักษาความซื่อสัตย์ภักดีต่อพระเจ้าเสมอ. (1 ซามูเอล 12:1-4) นอกจากนั้น ท่านยังทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างซื่อสัตย์ คอยแนะนำสั่งสอนประชาชนของพระเจ้าให้หลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจทำลายสัมพันธภาพของพวกเขากับพระเจ้า และสนับสนุนพวกเขาให้รับใช้พระยะโฮวาอย่างซื่อสัตย์ต่อ ๆ ไป. ประชาชนซาบซึ้งในคำสั่งสอนของซามูเอลและขอให้ท่านอธิษฐานเพื่อพวกเขา. ท่านจึงตอบพวกเขาด้วยถ้อยคำที่ทำให้อบอุ่นใจว่า “ส่วนข้าพเจ้า, ขอพระยะโฮวาทรงห้ามปรามอย่าให้ข้าพเจ้ากระทำผิดต่อพระองค์, โดยเว้นคำอธิษฐานเพื่อท่านทั้งหลาย, แต่ข้าพเจ้าจะสั่งสอนให้ท่านทั้งหลายรู้ทางดี, และทางชอบธรรม.”—1 ซามูเอล 12:21-24
คุณเคยรู้สึกผิดหวังไหมเมื่อคนอื่นถูกเลือกหรือได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่บางอย่างแทนที่จะเป็นคุณ? ตัวอย่างของซามูเอลเตือนใจเราได้อย่างดีเยี่ยมว่าเราต้องไม่ปล่อยให้ความอิจฉาหรือความรู้สึกขมขื่นเกิดขึ้นในใจเรา. พระเจ้ามีงานที่ดีและน่าพอใจมากมายสำหรับผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์แต่ละคน.
“ท่านจะเป็นทุกข์ร้อนด้วยซาอูลนานเท่าไร?”
ซาอูลเป็นคนที่โดดเด่นอย่างที่ซามูเอลกล่าวจริง ๆ. เขารูปร่างสูงและสง่างาม. เขาเป็นคนกล้าหาญและเฉลียวฉลาด แต่ก็เจียมตัวและไม่มักใหญ่ใฝ่สูงในตอนที่ได้รับการแต่งตั้ง. (1 ซามูเอล 10:22, 23, 27) นอกจากคุณสมบัติที่ดีเหล่านี้ เขายังมีสิ่งที่ล้ำค่ามากนั่นคือเสรีภาพในการเลือก. เขาจึงสามารถเลือกแนวทางชีวิตของตนและตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง. (พระบัญญัติ 30:19) เขาใช้ความสามารถนั้นอย่างถูกต้องไหม?
น่าเสียดาย เมื่อคนเราลุ่มหลงในอำนาจที่ตนเพิ่งได้รับความเจียมตัวที่เคยมีก็มักจะลดน้อยถอยลง. ไม่นาน ซาอูลก็กลายเป็นคนหยิ่งยโส. เขาเลือกที่จะไม่เชื่อฟังคำสั่งของพระยะโฮวาที่ตรัสผ่านซามูเอล. ครั้งหนึ่ง ซาอูลใจร้อนไม่ยอมคอยซามูเอลและได้ถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นสิทธิและหน้าที่ของซามูเอลเท่านั้น. ซามูเอลจำต้องว่ากล่าวซาอูลอย่างแรงและบอกล่วงหน้าว่าเชื้อวงศ์ของเขาจะไม่ได้เป็นกษัตริย์ต่อไป. แทนที่จะสำนึกตัวเมื่อถูกว่ากล่าว ซาอูลกลับทำชั่วด้วยการขัดขืนพระบัญชาของพระเจ้ามากยิ่งขึ้น.—1 ซามูเอล 13:8, 9, 13, 14
พระยะโฮวาใช้ซามูเอลไปบอกซาอูลให้ยกทัพไปต่อสู้กับชาวอะมาเล็ค. นอกจากคำสั่งอื่น ๆ แล้วพระยะโฮวายังบัญชาให้ฆ่ากษัตริย์อะฆาฆที่ชั่วช้าด้วย. แต่ซาอูลกลับไว้ชีวิตอะฆาฆและยังเก็บของดี ๆ ที่ยึดมาจากเมืองนั้นเอาไว้แทน1 ซามูเอล 15:1-33
ที่จะทำลายให้หมดตามที่พระเจ้าสั่ง. เมื่อถูกซามูเอลว่ากล่าว ซาอูลก็แสดงให้เห็นว่าเขาเปลี่ยนไปมากจริง ๆ. แทนที่จะยอมรับการว่ากล่าวแก้ไขอย่างถ่อมใจ เขากลับหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองและพยายามแก้ตัวว่าเขาทำถูกแล้ว. นอกจากนั้น เขายังเบี่ยงเบนประเด็นและโยนความผิดให้กับประชาชน. เมื่อซาอูลพยายามพูดบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับผิดโดยอ้างว่าสัตว์และสิ่งของบางอย่างที่ยึดมานั้นก็เพื่อถวายเป็นเครื่องบูชาแด่พระยะโฮวา ซามูเอลจึงกล่าวถ้อยคำซึ่งเราคุ้นเคยกันดีที่ว่า “ดูกรท่าน, การเชื่อฟังก็ประเสริฐกว่าเครื่องบูชา.” ซามูเอลตำหนิซาอูลโดยไม่หวั่นเกรงและบอกให้เขารู้ว่าพระยะโฮวาตัดสินพระทัยที่จะริบเอาตำแหน่งกษัตริย์ไปจากซาอูลและยกให้ผู้อื่นที่เหมาะสมกว่า.—ซามูเอลผิดหวังมากกับการกระทำของซาอูล. ท่านทูลอธิษฐานต่อพระยะโฮวาถึงเรื่องที่ทุกข์ใจนั้นตลอดทั้งคืน. ท่านถึงกับคร่ำครวญเพราะกษัตริย์นั้น. ซามูเอลเคยคิดว่าซาอูลเป็นคนที่มีความสามารถมากและมีคุณสมบัติที่ดีหลายประการ แต่ตอนนี้ความหวังของท่านสูญสลายไปแล้ว. ผู้ที่ท่านเคยรู้จักได้เปลี่ยนไปแล้ว คุณสมบัติที่ดีของเขาหายไปหมดและกลายเป็นคนที่ต่อต้านขัดขืนพระยะโฮวา. ซามูเอลไม่ยอมไปพบซาอูลอีกเลย. แต่ต่อมาพระยะโฮวาได้แก้ไขความคิดของซามูเอลด้วยความกรุณาโดยตรัสว่า “ท่านจะเป็นทุกข์ร้อนด้วยซาอูลนานเท่าไร, เราได้ถอดออกจากตำแหน่งกษัตริย์ยิศราเอลแล้ว? จงเอาน้ำมันเติมในขวดเขาสัตว์ของท่านให้เต็มแล้วก็ไป, เราจะให้ท่านไปหายิซัยชาวเบธเลเฮ็ม, เหตุว่าในพวกบุตรชายของเขานั้น, เราจัดเลือกผู้หนึ่งไว้แล้วให้เป็นกษัตริย์.”—1 ซามูเอล 15:34, 35; 16:1
พระประสงค์ของพระยะโฮวาไม่ได้ขึ้นอยู่กับมนุษย์ไม่สมบูรณ์ที่มีจิตใจโลเลไม่มั่นคงซึ่งอาจทรยศต่อพระองค์ได้. ถ้าคนหนึ่งไม่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์ พระยะโฮวาก็จะหาอีกคนหนึ่งมาทำหน้าที่แทนเพื่อทำให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จ. ดังนั้น ซามูเอลผู้ชราจึงเลิกเป็นทุกข์เพราะซาอูล. ซามูเอลไปที่บ้านของยิซัยในเบทเลเฮมตามบัญชาของพระยะโฮวาและพบกับบุตรชายหลายคนของยิซัยซึ่งล้วนแต่มีรูปร่างสง่างาม. แต่พระยะโฮวาเตือนซามูเอลตั้งแต่แรกว่า “อย่าเห็นแก่รูปหรือร่างสูงของเขาเพราะมนุษย์เคยแลดูหน้าตากัน, แต่พระยะโฮวาทรงทอดพระเนตรดวงจิตต์.” (1 ซามูเอล 16:7) ในที่สุด ซามูเอลก็ได้พบดาวิด บุตรชายคนสุดท้องของยิซัย และเขาก็คือผู้ที่พระยะโฮวาทรงเลือก!
ในช่วงบั้นปลายชีวิต ซามูเอลได้เห็นชัดยิ่งขึ้นว่าพระยะโฮวาทรงตัดสินใจถูกแล้วที่เลือกดาวิดเป็นกษัตริย์แทนซาอูล. ซาอูลกลายเป็นคนที่อิจฉาริษยาถึงขั้นวางแผนฆ่าดาวิดและต่อต้านพระเจ้า. แต่ดาวิดแสดงคุณลักษณะที่ดีงามหลายอย่าง เช่น ความกล้าหาญ, ความซื่อสัตย์มั่นคง, ความเชื่อ และความภักดี. เมื่อซามูเอลใกล้จะสิ้นชีพ ความเชื่อของท่านก็ยิ่งเข้มแข็งขึ้น. ท่านได้เห็นว่าไม่มีความทุกข์และความผิดหวังใด ๆ ของมนุษย์ที่พระยะโฮวาจะแก้ไขและเยียวยาไม่ได้. พระองค์อาจถึงกับเปลี่ยนความทุกข์และความสิ้นหวังให้กลายเป็นความยินดีได้ด้วยซ้ำ. ในที่สุด ซามูเอลก็สิ้นชีวิต. ตลอดช่วงชีวิตที่ยาวนานเกือบร้อยปีของท่านเต็มไปด้วยบทเรียนอันทรงคุณค่าสำหรับคนรุ่นหลัง. ไม่แปลกมิใช่หรือที่ชาวอิสราเอลทั้งปวงจะร่ำไห้กับการจากไปของบุรุษผู้ซื่อสัตย์คนนี้? แม้แต่ในทุกวันนี้ ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาก็ยังคิดถึงตัวอย่างของซามูเอลและถามตัวเองว่า ‘ฉันจะเลียนแบบความเชื่อของซามูเอลได้อย่างไร?’
[ภาพหน้า 25]
ซามูเอลช่วยประชาชนของท่านอย่างไรให้รับมือกับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่และความโศกเศร้า?
[ภาพหน้า 26]
ซามูเอลรับมือกับความผิดหวังอย่างไรเมื่อบุตรชายทั้งสองกลายเป็นคนชั่ว?