ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

รู้ว่าอะไรถูกต้อง แล้วทำสิ่งนั้น

รู้ว่าอะไรถูกต้อง แล้วทำสิ่งนั้น

เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง

รู้​ว่า​อะไร​ถูก​ต้อง แล้ว​ทำ​สิ่ง​นั้น

เล่า​โดย​เฮเดน แซนเดอร์สัน

พระ​เยซู​เคย​ตรัส​กับ​อัครสาวก​ของ​พระองค์​ว่า “ถ้า​ท่าน​ทั้ง​หลาย​รู้​สิ่ง​เหล่า​นั้น​แล้ว​และ​ประพฤติ​ตาม, ท่าน​ก็​จะ​เป็น​สุข.” (โยฮัน 13:17) ใช่​แล้ว เรา​อาจ​รู้​ว่า​อะไร​ถูก​ต้อง แต่​บาง​ครั้ง​การ​ทำ​สิ่ง​นั้น​ไม่​ใช่​เรื่อง​ง่าย! อย่าง​ไร​ก็​ตาม หลัง​จาก​มี​ชีวิต​มา​นาน​กว่า 80 ปี โดย​ใช้​เวลา 40 ปี​ใน​งาน​มิชชันนารี ผม​มั่น​ใจ​ว่า​คำ​ตรัส​ของ​พระ​เยซู​นั้น​เป็น​ความ​จริง. การ​ทำ​สิ่ง​ที่​พระเจ้า​ตรัส​ทำ​ให้​มี​ความ​สุข​อย่าง​แท้​จริง. ขอ​ให้​ผม​อธิบาย​ให้​คุณ​ฟัง.

ใน​ปี 1925 เมื่อ​ผม​อายุ​ได้​สาม​ขวบ พ่อ​กับ​แม่​ไป​ร่วม​ฟัง​คำ​บรรยาย​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล​ซึ่ง​จัด​ใน​เมือง​ของ​เรา​ที่​นิวคาสเซิล ออสเตรเลีย. คำ​บรรยาย​เรื่อง “หลาย​ล้าน​คน​ที่​มี​ชีวิต​อยู่​ใน​เวลา​นี้​จะ​ไม่​ตาย​เลย” ทำ​ให้​แม่​มั่น​ใจ​ว่า​ท่าน​ได้​พบ​ความ​จริง​แล้ว จาก​นั้น​ท่าน​ก็​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​คริสเตียน​เป็น​ประจำ. แต่​ความ​สนใจ​ของ​พ่อ​กลับ​เหือด​หาย​ไป​อย่าง​รวด​เร็ว. พ่อ​ต่อ​ต้าน​ความ​เชื่อ​ใหม่​ของ​แม่ และ​ขู่​จะ​ทิ้ง​พวก​เรา​ไป​หาก​แม่​ไม่​ยอม​ทิ้ง​ความ​เชื่อ​นี้. แม่​รัก​พ่อ​และ​ต้องการ​ให้​เรา​อยู่​ด้วย​กัน​เป็น​ครอบครัว. กระนั้น ท่าน​ก็​รู้​ว่า​การ​เชื่อ​ฟัง​พระเจ้า​นั้น​สำคัญ​เหนือ​สิ่ง​ใด และ​ท่าน​ตั้งใจ​แน่วแน่​ว่า​จะ​ทำ​สิ่ง​ที่​ถูก​ต้อง​ใน​สาย​พระ​เนตร​พระองค์. (มัดธาย 10:34-39) พ่อ​ทิ้ง​พวก​เรา​ไป และ​หลัง​จาก​นั้น​ผม​ได้​พบ​ท่าน​เป็น​ครั้ง​คราว​เท่า​นั้น.

เมื่อ​มอง​ย้อน​กลับ​ไป ผม​รู้สึก​ชื่นชม​ความ​ภักดี​ของ​แม่​ที่​มี​ต่อ​พระเจ้า. การ​ตัดสิน​ใจ​ของ​ท่าน​ทำ​ให้​ทั้ง​บิวลาห์​พี่​สาว​และ​ตัว​ผม​มี​ชีวิต​ที่​ได้​พระ​พร​ฝ่าย​วิญญาณ​มาก​มาย. เรื่อง​นี้​ยัง​สอน​บทเรียน​สำคัญ​แก่​เรา​ด้วย​ว่า เมื่อ​เรา​รู้​ว่า​อะไร​ถูก​ต้อง เรา​ต้อง​บากบั่น​ที่​จะ​ทำ​สิ่ง​นั้น.

การ​ทดสอบ​ความ​เชื่อ

พวก​นัก​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล ซึ่ง​เป็น​ชื่อ​เรียก​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​เวลา​นั้น ได้​ให้​ความ​ช่วยเหลือ​มาก​มาย​แก่​ครอบครัว​ของ​เรา. คุณ​ยาย​ย้าย​มา​อยู่​กับ​เรา​และ​ท่าน​ได้​ตอบรับ​ความ​จริง​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​เช่น​กัน. คุณ​ยาย​กับ​แม่​กลาย​มา​เป็น​เพื่อน​ร่วม​งาน​ประกาศ​ที่​ไม่​เคย​แยก​จาก​กัน และ​การ​ปรากฏ​ตัว​ที่​น่า​นับถือ​กับ​บุคลิก​ที่​อบอุ่น​ของ​พวก​ท่าน​ทำ​ให้​ท่าน​ได้​รับ​ความ​นับถือ​จาก​คน​ทั่ว​ไป.

ขณะ​เดียว​กัน พี่​น้อง​ชาย​คริสเตียน​ที่​อายุ​มาก​กว่า​ก็​คอย​ช่วยเหลือ​ผม​เป็น​พิเศษ​และ​ให้​การ​ฝึก​สอน​ที่​มี​ค่า​แก่​ผม. ไม่​ช้า​ผม​ก็​เรียน​วิธี​ใช้​บัตร​ให้​คำ​พยาน​เพื่อ​เสนอ​ข่าว​ดี​แบบ​ง่าย ๆ กับ​ประชาชน​ตาม​บ้าน. ผม​ยัง​ได้​เปิด​แผ่น​เสียง​บันทึก​คำ​บรรยาย​จาก​เครื่อง​เล่น​จาน​เสียง​กระเป๋า​หิ้ว​และ​ร่วม​ใน​การ​เดิน​ขบวน​ไป​ตาม​ถนน​สาย​หลัก​ใน​เมือง​โดย​แขวน​แผ่น​ป้าย​โฆษณา​ไว้​กับ​ตัว​ด้วย. การ​ทำ​เช่น​นี้​เป็น​เรื่อง​ยาก เพราะ​ผม​ยัง​กลัว​หน้า​มนุษย์​อยู่. แต่​ผม​ก็​รู้​ว่า​อะไร​คือ​สิ่ง​ที่​ถูก​ต้อง​และ​ตั้งใจ​แน่วแน่​จะ​ทำ​สิ่ง​นั้น.

หลัง​จาก​เรียน​จบ ผม​ก็​เริ่ม​ทำ​งาน​กับ​ธนาคาร​แห่ง​หนึ่ง ซึ่ง​เป็น​งาน​ที่​ทำ​ให้​ผม​ต้อง​เดิน​ทาง​ไป​ยัง​สาขา​ต่าง ๆ ของ​ธนาคาร​ทั่ว​รัฐ​นิวเซาท์เวลส์. ถึง​แม้​ว่า​ใน​รัฐ​นี้​จะ​มี​พยาน​ฯ อยู่​ไม่​มาก แต่​การ​ฝึก​สอน​ที่​ผม​ได้​รับ​ช่วย​ให้​ผม​รักษา​ความ​เชื่อ​ไว้​ได้. จดหมาย​ที่​หนุน​ใจ​จาก​แม่​ก็​ช่วย​เสริม​กำลัง​ผม​ทาง​ฝ่าย​วิญญาณ.

จดหมาย​เหล่า​นี้​ได้​ช่วย​ผม​ใน​เวลา​ที่​เหมาะ​จริง ๆ. สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2 เริ่ม​ขึ้น​แล้ว และ​ผม​ได้​รับ​หมาย​เกณฑ์​ทหาร. ผู้​จัด​การ​ธนาคาร​เป็น​คน​เคร่ง​ศาสนา​และ​ไป​โบสถ์​เป็น​ประจำ ทั้ง​ยัง​เป็น​ผู้​บัญชา​การ​กอง​ทหาร​ท้องถิ่น​ด้วย. เมื่อ​ผม​อธิบาย​จุด​ยืน​ของ​ผม​เรื่อง​ความ​เป็น​กลาง​ฐานะ​คริสเตียน​ให้​เขา​ฟัง เขา​ก็​ยื่น​คำ​ขาด​กับ​ผม​ว่า​ถ้า​ไม่​ทิ้ง​ศาสนา​ของ​ผม ก็​ต้อง​ออก​จาก​งาน! เรื่อง​มา​ถึง​จุด​แตก​หัก​เมื่อ​ผม​ไป​รายงาน​ตัว​ต่อ​หน่วย​เกณฑ์​ทหาร​ของ​กองทัพ​ใน​ท้องถิ่น. ผู้​จัด​การ​ธนาคาร​ก็​อยู่​ที่​นั่น​และ​จับตา​ดู​ด้วย​ความ​สน​อก​สนใจ​ขณะ​ที่​ผม​เดิน​เข้า​ไป​ใกล้​โต๊ะ​ลง​ทะเบียน. เมื่อ​ผม​ปฏิเสธ​จะ​เซ็น​ชื่อ​ใน​เอกสาร​การ​เกณฑ์​ทหาร พวก​เจ้าหน้าที่​ก็​เริ่ม​ไม่​พอ​ใจ. นั่น​เป็น​ช่วง​เวลา​ที่​กดดัน​มาก แต่​ผม​ก็​ยัง​ตั้งใจ​แน่วแน่​จะ​ทำ​สิ่ง​ที่​ถูก​ต้อง. ด้วย​ความ​ช่วยเหลือ​จาก​พระ​ยะโฮวา ผม​สงบ​นิ่ง​และ​แน่วแน่. ต่อ​มา​เมื่อ​ผม​รู้​ว่า​มี​บาง​คน​คอย​จะ​ทำ​ร้าย ผม​ก็​รีบ​เก็บ​ข้าวของ​จับ​รถไฟ​ขบวน​ถัด​ไป​ออก​จาก​เมือง​ทันที!

หลัง​จาก​กลับ​มา​ที่​นิวคาสเซิล ผม​ก็​ถูก​เรียก​ตัว​ขึ้น​ศาล​พร้อม​กับ​พี่​น้อง​ชาย​อีก​เจ็ด​คน​ซึ่ง​ปฏิเสธ​การ​เป็น​ทหาร. ผู้​พิพากษา​ตัดสิน​จำ​คุก​พวก​เรา​สาม​เดือน​และ​ให้​ทำ​งาน​หนัก. แม้​ชีวิต​ใน​คุก​จะ​ไม่​ใช่​ประสบการณ์​ที่​ดี​นัก แต่​การ​ทำ​สิ่ง​ที่​ถูก​ต้อง​ทำ​ให้​ได้​รับ​พระ​พร​มาก​มาย. หลัง​จาก​ได้​รับ​การ​ปล่อย​ตัว เพื่อน​ร่วม​ห้อง​ขัง​คน​หนึ่ง​ชื่อ​ฮิลตัน วิลคินสัน​ซึ่ง​เป็น​พยาน​ฯ เหมือน​กัน ได้​ชวน​ผม​ไป​ทำ​งาน​ที่​ร้าน​ถ่าย​รูป​ของ​เขา. ที่​นั่น​ผม​ได้​พบ​กับ​เม​โลดี ภรรยา​ใน​อนาคต ซึ่ง​เป็น​พนักงาน​ต้อนรับ​อยู่​ที่​ร้าน. ไม่​นาน​หลัง​จาก​ได้​รับ​การ​ปล่อย​ตัว ผม​ก็​รับ​บัพติสมา​ซึ่ง​เป็น​สัญลักษณ์​ของ​การ​อุทิศ​ตัว​แด่​พระ​ยะโฮวา.

วาง​เป้าหมาย​รับใช้​เต็ม​เวลา

หลัง​จาก​แต่งงาน เม​โลดี​กับ​ผม​ก็​เปิด​ร้าน​ถ่าย​รูป​ของ​เรา​เอง​ใน​เมือง​นิวคาสเซิล. ไม่​ช้า​เรา​ก็​มี​งาน​มาก​จน​สุขภาพ​ร่าง​กาย​และ​ฝ่าย​วิญญาณ​ของ​เรา​เริ่ม​ได้​รับ​ผล​กระทบ. ใน​ช่วง​นั้น​เอง เทด จารัซ ซึ่ง​เวลา​นั้น​รับใช้​อยู่​ที่​สำนักงาน​สาขา​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ที่​ออสเตรเลีย​และ​ปัจจุบัน​เป็น​สมาชิก​คณะ​กรรมการ​ปกครอง​ได้​พูด​คุย​กับ​เรา​เกี่ยว​กับ​เป้าหมาย​ฝ่าย​วิญญาณ. หลัง​จาก​ได้​คุย​กับ​เขา เรา​ก็​ตัดสิน​ใจ​จะ​ขาย​กิจการ​และ​ปรับ​เปลี่ยน​ชีวิต​ให้​เรียบ​ง่าย. ปี 1954 เรา​ซื้อ​บ้าน​รถ​พ่วง​เล็ก ๆ และ​ย้าย​ไป​อยู่​ที่​เมือง​บัลลารัต ใน​รัฐ​วิกตอเรีย แล้ว​เริ่ม​เป็น​ไพโอเนียร์​หรือ​ผู้​เผยแพร่​เต็ม​เวลา.

ใน​ช่วง​ที่​รับใช้​ร่วม​กับ​ประชาคม​เล็ก ๆ ใน​บัลลารัต​นั้น​พระ​ยะโฮวา​ทรง​อวย​พร​ความ​พยายาม​ของ​เรา. ภาย​ใน​เวลา​ปี​ครึ่ง จำนวน​ผู้​เข้า​ร่วม​ประชุม​เพิ่ม​ขึ้น​อย่าง​รวด​เร็ว​จาก 17 คน​เป็น 70 คน. แล้ว​เรา​ก็​ได้​รับ​คำ​เชิญ​ให้​ทำ​งาน​เยี่ยม​หมวด​ใน​รัฐ​เซาท์​ออสเตรเลีย. ใน​ช่วง​สาม​ปี​ถัด​จาก​นั้น เรา​มี​ความ​สุข​กับ​การ​เยี่ยม​เยียน​ประชาคม​ต่าง ๆ ใน​เมือง​แอดิเลด​และ​ใน​เขต​ผลิต​ไวน์​กับ​ผลไม้​จำพวก​ส้ม​ริม​ฝั่ง​แม่น้ำ​เมอร์เรย์. ชีวิต​ของ​เรา​เปลี่ยน​ไป​มาก​จริง ๆ! เรา​สุข​ใจ​ที่​ได้​รับใช้​ร่วม​กับ​พี่​น้อง​ชาย​หญิง​ซึ่ง​เปี่ยม​ด้วย​ความ​รัก. ช่าง​เป็น​รางวัล​อัน​ยอด​เยี่ยม​สำหรับ​การ​ทำ​สิ่ง​ที่​เรา​รู้​ว่า​ถูก​ต้อง!

งาน​มอบหมาย​ฐานะ​มิชชันนารี

ปี 1958 เรา​แจ้ง​ให้​สาขา​ออสเตรเลีย​ทราบ​ว่า​เรา​ตั้งใจ​จะ​ไป​ร่วม​การ​ประชุม​นานา​ชาติ “พระทัย​ประสงค์​ของ​พระเจ้า” ที่​นคร​นิวยอร์ก​ใน​ปี​นั้น. ทาง​สาขา​ตอบรับ​โดย​ส่ง​ใบ​สมัคร​โรง​เรียน​มิชชันนารี​กิเลียด​ที่​สหรัฐ​มา​ให้​เรา. เนื่อง​จาก​เรา​อยู่​ใน​วัย​สาม​สิบ​กว่า​กัน​แล้ว เรา​จึง​คิด​ว่า​เรา​แก่​เกิน​ไป​ที่​จะ​เข้า​เรียน​ใน​กิเลียด. ถึง​กระนั้น​เรา​ก็​ส่ง​ใบ​สมัคร​ไป​และ​ได้​รับ​เชิญ​ให้​เข้า​เรียน​ใน​รุ่น​ที่ 32. เมื่อ​เรียน​ไป​ได้​ครึ่ง​หลัก​สูตร เรา​ก็​ได้​รับ​แจ้ง​ที่​ที่​เรา​ได้​รับ​มอบหมาย​ไป​เป็น​มิชชันนารี นั่น​คือ อินเดีย! แม้​จะ​หวั่น​วิตก​ใน​ตอน​แรก แต่​เรา​ก็​ต้องการ​จะ​ทำ​สิ่ง​ที่​ถูก​ต้อง​และ​ตอบรับ​งาน​มอบหมาย​ด้วย​ความ​ยินดี.

เรา​โดยสาร​เรือ​มา​ถึง​บอมเบย์ (ปัจจุบัน​คือ​มุมไบ) ใน​เช้า​ตรู่​วัน​หนึ่ง​ของ​ปี 1959. คน​งาน​นับ​ร้อย ๆ นอน​เหยียด​ยาว​กัน​อยู่​บน​ท่า​เรือ. อากาศ​มี​กลิ่น​แปลก ๆ ที่​เรา​ไม่​คุ้น. เมื่อ​ดวง​อาทิตย์​ขึ้น เรา​ก็​เริ่ม​รู้สึก​ได้​ถึง​สิ่ง​ที่​รอ​อยู่​เบื้อง​หน้า. เรา​ไม่​เคย​เจอ​อากาศ​ร้อน​อย่าง​นี้​มา​ก่อน​เลย! ลินตัน​และ​เจนนี เดาเออร์ มิชชันนารี​สามี​ภรรยา​ซึ่ง​เคย​เป็น​ไพโอเนียร์​กับ​เรา​ที่​บัลลารัต​มา​รับ​เรา. พวก​เขา​พา​เรา​ไป​ที่​สำนักงาน​สาขา​อินเดีย​และ​บ้าน​เบเธล​ซึ่ง​อยู่​ใน​อพาร์ตเมนต์​ชั้น​บน​ที่​แออัด​แห่ง​หนึ่ง​ใกล้​กับ​ใจ​กลาง​เมือง. มี​อาสา​สมัคร​ทำ​งาน​อยู่​ใน​อพาร์ตเมนต์​ซึ่ง​ใช้​เป็น​เบเธล​นี้​หก​คน. บราเดอร์​เอดวิน สกินเนอร์ ซึ่ง​รับใช้​เป็น​มิชชันนารี​ใน​อินเดีย​มา​ตั้ง​แต่​ปี 1926 แนะ​นำ​ให้​เรา​ซื้อ​ถุง​ผ้า​ใบ​ใส่​สัมภาระ​สัก​สอง​ใบ​ก่อน​ที่​เรา​จะ​เดิน​ทาง​ต่อ​ไป​ยัง​เขต​มอบหมาย. เรา​เห็น​ถุง​แบบ​นี้​บ่อย ๆ บน​รถไฟ​ของ​อินเดีย​และ​มัน​มี​ประโยชน์​มาก​สำหรับ​การ​เดิน​ทาง​ของ​เรา​ใน​เวลา​ต่อ​มา.

หลัง​จาก​นั่ง​รถไฟ​มา​ได้​สอง​วัน เรา​ก็​มา​ถึง​เขต​มอบหมาย​ของ​เรา​ใน​ตีรัจจิรัปปาลลิ ซึ่ง​เป็น​เมือง​ที่​อยู่​ทาง​ใต้​ของ​รัฐ​มัทราส (ปัจจุบัน​คือ​ทมิฬนาฑู). เรา​รับใช้​อยู่​ที่​นั่น​ร่วม​กับ​ไพโอเนียร์​พิเศษ​ชาว​อินเดีย​อีก​สาม​คน​ซึ่ง​กำลัง​ให้​คำ​พยาน​แก่​ประชากร 250,000 คน. สภาพ​ความ​เป็น​อยู่​ยัง​เป็น​แบบ​ดั้งเดิม. ครั้ง​หนึ่ง​เรา​เหลือ​เงิน​ติด​กระเป๋า​อยู่​ไม่​ถึง 150 บาท. แต่​เมื่อ​เงิน​หมด​พระ​ยะโฮวา​ก็​ไม่​ทรง​ทอดทิ้ง​เรา. ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​เรา​ได้​ให้​เรา​ยืม​เงิน​ไป​เช่า​บ้าน​หลัง​หนึ่ง​ซึ่ง​เหมาะ​จะ​ใช้​จัด​การ​ประชุม. คราว​หนึ่ง​เรา​แทบ​ไม่​มี​อะไร​จะ​กิน เพื่อน​บ้าน​ก็​มี​น้ำใจ​แบ่ง​แกง​ที่​เขา​ทำ​มา​ให้. ผม​ชอบ​แกง​นั้น​มาก แต่​มัน​เผ็ด​เสีย​จน​ทำ​ให้​ผม​สะอึก!

ใน​เขต​ประกาศ

แม้​จะ​มี​บาง​คน​ใน​เมือง​ที่​พูด​ภาษา​อังกฤษ​ได้ แต่​คน​ส่วน​ใหญ่​พูด​ภาษา​ทมิฬ. ดัง​นั้น เรา​จึง​พยายาม​อย่าง​หนัก​ที่​จะ​เรียน​วิธี​เสนอ​แบบ​ง่าย ๆ เพื่อ​ประกาศ​เป็น​ภาษา​ทมิฬ. ประชาชน​ใน​ท้องถิ่น​หลาย​คน​นับถือ​ความ​พยายาม​ของ​เรา.

งาน​รับใช้​ตาม​บ้าน​ทำ​ให้​เรา​ชื่นชม​ยินดี​จริง ๆ. ชาว​อินเดีย​โดย​พื้น​ฐาน​แล้ว​เป็น​คน​ที่​มี​น้ำใจ​ต้อนรับ​แขก และ​ส่วน​ใหญ่​มัก​ชวน​เรา​เข้า​ไป​ดื่ม​น้ำ​ใน​บ้าน. เนื่อง​จาก​อุณหภูมิ​มัก​อยู่​ที่​ประมาณ 40 องศา เรา​จึง​หยั่ง​รู้​ค่า​น้ำใจ​ต้อนรับ​แขก​ของ​พวก​เขา​อย่าง​ยิ่ง. ก่อน​จะ​เริ่ม​พูด​ถึง​ข่าวสาร​ของ​เรา นับ​ว่า​สุภาพ​ที่​เรา​จะ​ไต่ถาม​สาร​ทุกข์​สุก​ดิบ​ของ​พวก​เขา. เจ้าของ​บ้าน​มัก​ถาม​ภรรยา​กับ​ผม​ว่า “พวก​คุณ​มา​จาก​ที่​ไหน? พวก​คุณ​มี​ลูก​ไหม? ทำไม​ไม่​มี​ล่ะ?” เมื่อ​รู้​ว่า​เรา​ไม่​มี​ลูก พวก​เขา​ก็​มัก​เสนอ​จะ​แนะ​นำ​หมอ​ดี ๆ ให้​เรา! ไม่​ว่า​จะ​อย่าง​ไร การ​สนทนา​เช่น​นั้น​เปิด​โอกาส​ให้​เรา​ได้​แนะ​นำ​ตัว​เอง​และ​อธิบาย​ถึง​ความ​สำคัญ​ของ​งาน​สอน​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​เรา​ทำ​อยู่.

คน​ที่​เรา​ประกาศ​ด้วย​ส่วน​ใหญ่​นับถือ​ศาสนา​ฮินดู ซึ่ง​เป็น​ศาสนา​ที่​มี​ระบบ​ความ​เชื่อ​แตกต่าง​จาก​ศาสนา​คริสเตียน​มาก. แทน​ที่​จะ​โต้​แย้ง​เกี่ยว​กับ​ปรัชญา​ฮินดู​ที่​ซับซ้อน เรา​จะ​เพียง​แต่​ประกาศ​ข่าว​ดี​เรื่อง​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​เท่า​นั้น ซึ่ง​ก็​ได้​ผล​ดี. ภาย​ใน​หก​เดือน มี​เกือบ 20 คน​เริ่ม​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ที่​บ้าน​มิชชันนารี​ของ​เรา. หนึ่ง​ใน​จำนวน​นั้น​เป็น​วิศวกร​โยธา​ชื่อ​ว่า​นาลาทัมบิ. ต่อ​มา​เขา​กับ​วิจายาลายัน​ลูก​ชาย ได้​ช่วย​ประมาณ 50 คน​ให้​เข้า​มา​เป็น​ผู้​รับใช้​พระ​ยะโฮวา. วิจายาลายัน​เคย​รับใช้​ที่​สาขา​อินเดีย​ช่วง​หนึ่ง​ด้วย.

เดิน​ทาง​ตลอด​เวลา

เรา​มา​อยู่​ที่​อินเดีย​ยัง​ไม่​ถึง​หก​เดือน​เมื่อ​ผม​ได้​รับ​เชิญ​ให้​ทำ​หน้า​ที่​ผู้​ดู​แล​ภาค​ถาวร​คน​แรก​ของ​ประเทศ. งาน​ของ​ผม​รวม​ถึง​การ​เดิน​ทาง​ไป​ทั่ว​อินเดีย จัด​การ​ประชุม​ใหญ่​และ​ทำ​งาน​ร่วม​กับ​พี่​น้อง​ที่​พูด​ภาษา​อื่น ๆ อีก​เก้า​กลุ่ม. นี่​เป็น​งาน​ที่​เหนื่อย​ยาก. เรา​เก็บ​เสื้อ​ผ้า​และ​สิ่ง​ของ​เครื่อง​ใช้​สำหรับ​หก​เดือน​ใส่​หีบ​ที่​ทำ​จาก​ดีบุก​สาม​หีบ พร้อม​กับ​ถุง​ผ้า​ใบ​ที่​เรา​ใช้​เป็น​ประจำ​แล้ว​ออก​เดิน​ทาง​จาก​เมือง​มัทราส (ปัจจุบัน​คือ เชนไน) โดย​รถไฟ. เนื่อง​จาก​เขต​รับผิดชอบ​ของ​ผม​ครอบ​คลุม​พื้น​ที่​ใน​รัศมี 6,500 กิโลเมตร เรา​จึง​ต้อง​เดิน​ทาง​กัน​อยู่​ตลอด​เวลา. ครั้ง​หนึ่ง เรา​เสร็จ​จาก​การ​ประชุม​หมวด​ที่​เมือง​บังคาลอร์​ทาง​ใต้​ของ​อินเดีย​ใน​วัน​อาทิตย์. จาก​นั้น​เรา​ก็​เดิน​ทาง​ขึ้น​เหนือ​ไป​ดาร์ชีลิง​ซึ่ง​อยู่​แถบ​เชิง​เขา​หิมาลัย​เพื่อ​จะ​ร่วม​การ​ประชุม​หมวด​อีก​แห่ง​หนึ่ง​ใน​สัปดาห์​ถัด​ไป. ระยะ​ทาง​จาก​บังคาลอร์​ไป​ดาร์ชีลิง​ห่าง​กัน​ประมาณ 2,700 กิโลเมตร และ​กว่า​จะ​ไป​ถึง​ก็​ต้อง​ต่อ​รถไฟ​ห้า​ครั้ง.

ระหว่าง​การ​เดิน​ทาง​ช่วง​แรก ๆ เรา​ชอบ​ฉาย​ภาพยนตร์​เรื่อง​สมาคม​โลก​ใหม่​ใน​ภาค​ปฏิบัติ. ภาพยนตร์​เรื่อง​นี้​ช่วย​ให้​ประชาชน​คุ้น​เคย​กับ​ขอบข่าย​และ​กิจกรรม​ที่​องค์การ​ของ​พระ​ยะโฮวา​ทาง​แผ่นดิน​โลก​กำลัง​ทำ​อยู่. บ่อย​ครั้ง​มี​หลาย​ร้อย​คน​มา​ชม​การ​ฉาย​ภาพยนตร์​นี้. ครั้ง​หนึ่ง เรา​ฉาย​ภาพยนตร์​เรื่อง​นี้​ให้​คน​กลุ่ม​หนึ่ง​ที่​ชุมนุม​กัน​อยู่​ริม​ถนน​ได้​ดู. ขณะ​ที่​ฉาย​อยู่​นั้น​มี​เมฆ​ฝน​ก่อ​ตัว​ขึ้น​เหมือน​จะ​มี​พายุ​และ​เคลื่อน​มา​ทาง​เรา​อย่าง​รวด​เร็ว. เนื่อง​จาก​เรา​เคย​เจอ​ฝูง​ชน​ก่อ​ความ​วุ่นวาย​มา​แล้ว​ครั้ง​หนึ่ง​เมื่อ​การ​ฉาย​ภาพยนตร์​ถูก​ขัด​จังหวะ ครั้ง​นี้​ผม​จึง​ตัดสิน​ใจ​ฉาย​ต่อ​ไป​แต่​เร่ง​ภาพ​ให้​เร็ว​ขึ้น. ดี​ที่​ภาพยนตร์​จบ​ลง​โดย​ไม่​มี​อะไร​ขัด​จังหวะ​ก่อน​ที่​ฝน​จะ​ลง​เม็ด​พอ​ดี.

ช่วง​ปี​ต่อ ๆ มา เม​โลดี​กับ​ผม​เดิน​ทาง​ไป​เกือบ​ทั่ว​ทุก​ส่วน​ของ​อินเดีย. เนื่อง​จาก​แต่​ละ​ภาค​ต่าง​ก็​มี​ลักษณะ​เด่น​แตกต่าง​จาก​ภาค​อื่น ๆ ทั้ง​เรื่อง​อาหาร, เครื่อง​แต่ง​กาย, ภาษา, และ​ทัศนียภาพ เรา​จึง​รู้สึก​เหมือน​ว่า​ได้​เดิน​ทาง​จาก​ประเทศ​หนึ่ง​ไป​อีก​ประเทศ​หนึ่ง. สิ่ง​ทรง​สร้าง​ของ​พระ​ยะโฮวา​ช่าง​มี​ความ​หลาก​หลาย​น่า​ทึ่ง​เสีย​จริง ๆ! ความ​จริง​ข้อ​นี้​เห็น​ได้​ใน​หมู่​สัตว์​ป่า​ของ​อินเดีย​ด้วย. ครั้ง​หนึ่ง​ตอน​ที่​ตั้ง​แคมป์​กัน​อยู่​ใน​ป่า​ของ​เนปาล เรา​ได้​เห็น​เสือ​ตัว​ใหญ่​ถนัด​ตา​ที​เดียว. มัน​เป็น​สัตว์​ที่​สวย​มาก. การ​ได้​เห็น​เสือ​ยิ่ง​ทำ​ให้​เรา​อยาก​จะ​อยู่​ใน​อุทยาน​มาก​ขึ้น เพราะ​ที่​นั่น​จะ​มี​สันติ​สุข​ระหว่าง​มนุษย์​กับ​สัตว์​ใน​ที่​สุด.

ปรับ​เปลี่ยน​ให้​ประสาน​กับ​องค์การ

ใน​สมัย​แรก ๆ พวก​พี่​น้อง​ใน​อินเดีย​จำเป็น​ต้อง​ปรับ​เปลี่ยน​เพื่อ​ให้​ประสาน​กับ​ระเบียบ​การ​ดำเนิน​งาน​ใน​องค์การ​ของ​พระ​ยะโฮวา​มาก​ยิ่ง​ขึ้น. ใน​บาง​ประชาคม ผู้​ชาย​จะ​นั่ง​รวม​กัน​อยู่​ฟาก​หนึ่ง​ของ​ห้อง​ประชุม ส่วน​ผู้​หญิง​ก็​นั่ง​อยู่​อีก​ฟาก​หนึ่ง. การ​ประชุม​แทบ​ไม่​เคย​เริ่ม​ตรง​เวลา. ใน​ที่​แห่ง​หนึ่ง มี​การ​เคาะ​ระฆัง​เสียง​ดัง​เพื่อ​เรียก​ให้​ผู้​ประกาศ​ราชอาณาจักร​มา​ประชุม. ใน​ที่​อื่น ๆ บาง​แห่ง ผู้​ประกาศ​ค่อย ๆ ทยอย​กัน​เข้า​มา​เมื่อ​เห็น​ดวง​อาทิตย์​อยู่​ใน​ตำแหน่ง​ที่​พวก​เขา​คิด​ว่า​เป็น​เวลา​ประชุม. การ​ประชุม​ใหญ่​และ​การ​เยี่ยม​ของ​ผู้​ดู​แล​หมวด​ก็​ไม่​สม่ำเสมอ. พวก​พี่​น้อง​เต็ม​ใจ​จะ​ทำ​สิ่ง​ที่​ถูก​ต้อง แต่​พวก​เขา​จำเป็น​ต้อง​ได้​รับ​การ​ฝึก​สอน.

ใน​ปี 1959 องค์การ​ของ​พระ​ยะโฮวา​ได้​ตั้ง​โรง​เรียน​พระ​ราชกิจ​ขึ้น. โครงการ​ฝึก​อบรม​ซึ่ง​จัด​ขึ้น​ทั่ว​โลก​นี้​ได้​ช่วย​ผู้​ดู​แล​หมวด, ไพโอเนียร์​พิเศษ, มิชชันนารี, และ​ผู้​ปกครอง​ใน​ประชาคม​ให้​ทำ​หน้า​ที่​รับผิดชอบ​ของ​ตน​ตาม​หลัก​คัมภีร์​ไบเบิล​ได้​อย่าง​มี​ประสิทธิภาพ​ยิ่ง​ขึ้น. เมื่อ​โรง​เรียน​นี้​เริ่ม​ขึ้น​ใน​อินเดีย​ใน​เดือน​ธันวาคม ปี 1961 ผม​ได้​ทำ​หน้า​ที่​เป็น​ผู้​สอน. ที​ละ​เล็ก​ที​ละ​น้อย​ผล​ของ​การ​ฝึก​อบรม​นี้​ก็​ปรากฏ​ให้​เห็น​ใน​ประชาคม​ต่าง ๆ ทั่ว​ประเทศ และ​ประชาคม​เหล่า​นั้น​ก็​ก้าว​หน้า​อย่าง​รวด​เร็ว. เมื่อ​พวก​พี่​น้อง​รู้​ว่า​อะไร​คือ​สิ่ง​ที่​ถูก​ต้อง พระ​วิญญาณ​ของ​พระเจ้า​จะ​กระตุ้น​พวก​เขา​ให้​ทำ​สิ่ง​นั้น.

นอก​จาก​นี้ การ​ประชุม​ใหญ่ ๆ ได้​ช่วย​หนุน​ใจ​พวก​พี่​น้อง​และ​ทำ​ให้​พวก​เขา​เป็น​เอกภาพ. การ​ประชุม​ครั้ง​หนึ่ง​ที่​น่า​ประทับใจ​เป็น​พิเศษ​คือ การ​ประชุม​นานา​ชาติ “ข่าว​ดี​นิรันดร์” ซึ่ง​จัด​ขึ้น​ใน​นิวเดลี เมื่อ​ปี 1963. พยาน​ฯ จาก​ทั่ว​อินเดีย​เดิน​ทาง​นับ​พัน ๆ กิโลเมตร​เพื่อ​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​นี้ ซึ่ง​หลาย​คน​ต้อง​ใช้​เงิน​เก็บ​ทั้ง​หมด​ของ​พวก​เขา​เพื่อ​จะ​เข้า​ร่วม​ได้. เนื่อง​จาก​มี​ตัว​แทน​ทั้ง​หมด 583 คน​จาก​อีก 27 ประเทศ​มา​ร่วม​ประชุม​ด้วย จึง​เป็น​ครั้ง​แรก​ที่​พยาน​ฯ ใน​อินเดีย​ได้​พบ​และ​คบหา​สมาคม​กับ​พี่​น้อง​ที่​มา​เยี่ยม​จำนวน​มาก​อย่าง​นี้.

ใน​ปี 1961 เมโลดี​กับ​ผม​ได้​รับ​เชิญ​ให้​เข้า​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​ของ​ครอบครัว​เบเธล​ใน​บอมเบย์ ซึ่ง​ต่อ​มา​ผม​ได้​รับใช้​เป็น​สมาชิก​คณะ​กรรมการ​สาขา​ที่​นั่น. หลัง​จาก​นั้น​มี​สิทธิ​พิเศษ​อื่น ๆ ตาม​มา​อีก. ผม​ได้​รับใช้​ฐานะ​ผู้​ดู​แล​โซน​เพื่อ​เยี่ยม​ส่วน​ต่าง ๆ ของ​เอเชีย​และ​ตะวัน​ออก​กลาง​อยู่​หลาย​ปี. เนื่อง​จาก​งาน​ประกาศ​ใน​ประเทศ​เหล่า​นั้น​หลาย​แห่ง​ถูก​สั่ง​ห้าม พี่​น้อง​ท้องถิ่น​จึง​จำเป็น​ต้อง “ระแวด​ระวัง​เหมือน​งู​และ​กระนั้น ไม่​เป็น​พิษ​เป็น​ภัย​เหมือน​นก​พิราบ.”—มัดธาย 10:16, ล.ม.

การ​ขยาย​และ​การ​เปลี่ยน​แปลง

ใน​ปี 1959 เมื่อ​เรา​มา​ถึง​อินเดีย​ใหม่ ๆ ทั้ง​ประเทศ​มี​ผู้​ประกาศ 1,514 คน. ปัจจุบัน จำนวน​นี้​ได้​เพิ่ม​ขึ้น​จน​มี​มาก​กว่า 24,000 คน. เพื่อ​จะ​รอง​รับ​การ​เติบโต​นี้ เรา​ได้​ย้าย​สำนักงาน​สาขา​มา​แล้ว​สอง​ครั้ง ทั้ง​ใน​เมือง​บอมเบย์​และ​บริเวณ​ใกล้ ๆ. แล้ว​ใน​เดือน​มีนาคม 2002 ครอบครัว​เบเธล​ก็​ต้อง​ย้าย​กัน​อีก​ครั้ง​หนึ่ง คราว​นี้​เรา​สร้าง​เบเธล​แห่ง​ใหม่​ใกล้​กับ​เมือง​บังคาลอร์ ทาง​ใต้​ของ​อินเดีย. อาคาร​สำนักงาน​ที่​ทัน​สมัย​แห่ง​นี้ ปัจจุบัน​เป็น​ที่​พัก​ของ​สมาชิก​ครอบครัว​เบเธล 240 คน และ​บาง​คน​ใน​จำนวน​นี้​กำลัง​แปล​สรรพหนังสือ​อธิบาย​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​ภาษา​ต่าง ๆ 20 ภาษา.

แม้​ว่า​เมโลดี​กับ​ผม​เฝ้า​รอ​คอย​ด้วย​ใจ​จดจ่อ​ที่​จะ​ย้าย​ไป​บังคาลอร์ แต่​สุขภาพ​ที่​ไม่​ดี​ทำ​ให้​เรา​ต้อง​กลับ​ไป​ออสเตรเลีย​ใน​ปี 1999. ขณะ​นี้​เรา​รับใช้​เป็น​สมาชิก​ครอบครัว​เบเธล​ใน​ซิดนีย์. แม้​ว่า​เรา​จะ​จาก​อินเดีย​มา​แล้ว แต่​ความ​รัก​อัน​แรง​กล้า​ที่​เรา​มี​ต่อ​เพื่อน​และ​ลูก ๆ ฝ่าย​วิญญาณ​ที่​รัก​ใน​ประเทศ​นั้น​ไม่​ได้​ลด​น้อย​ลง​เลย. เรา​รู้สึก​ปีติ​ยินดี​เสีย​จริง ๆ เมื่อ​ได้​รับ​จดหมาย​จาก​พวก​เขา!

เมื่อ​ย้อน​กลับ​ไป​คิด​ถึง​เวลา​มาก​กว่า 50 ปี​ที่​อยู่​ใน​งาน​รับใช้​เต็ม​เวลา เมโลดี​กับ​ผม​รู้สึก​ว่า​ได้​รับ​พระ​พร​อย่าง​ล้น​เหลือ. ครั้ง​หนึ่ง​เรา​เคย​ทำ​งาน​รักษา​ภาพ​ของ​ผู้​คน​ให้​คง​อยู่​บน​แผ่น​กระดาษ แต่​งาน​รักษา​ชีวิต​ผู้​คน​ให้​คง​อยู่​ใน​ความ​ทรง​จำ​ของ​พระเจ้า​นั้น​เป็น​งาน​ที่​ดี​กว่า​มาก. การ​ที่​เรา​ได้​ตัดสิน​ใจ​ให้​พระ​ประสงค์​ของ​พระเจ้า​มา​เป็น​อันดับ​แรก​ใน​ชีวิต​ทำ​ให้​เรา​ได้​รับ​ประสบการณ์​ที่​มี​ค่า​เสีย​จริง ๆ! ใช่​แล้ว การ​ทำ​สิ่ง​ที่​พระเจ้า​ตรัส​ว่า​ถูก​ต้อง​นั้น​ทำ​ให้​มี​ความ​สุข​อย่าง​แท้​จริง!

[แผนที่​หน้า 15]

(ราย​ละเอียด​ดู​จาก​วารสาร)

อินเดีย

นิวเดลี

ดาร์ชีลิง

บอมเบย์ (มุมไบ)

บังคาลอร์

มัทราส (เชนไน)

ตีรัจจิรัปปาลลิ

[ภาพ​หน้า 13]

เฮเดน​กับ​เมโลดี ปี 1942

[ภาพ​หน้า 16]

ครอบครัว​เบเธล​อินเดีย ปี 1975