ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

วางใจการดูแลด้วยความรักของพระยะโฮวา

วางใจการดูแลด้วยความรักของพระยะโฮวา

เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง

วางใจ​การ​ดู​แล​ด้วย​ความ​รัก​ของ​พระ​ยะโฮวา

เล่า​โดย​อันนา เดนซ์ เทอร์พิน

แม่​พูด​ยิ้ม ๆ กับ​ฉัน​ว่า “ลูก​คน​นี้​ช่าง​ถาม​โน่น​ถาม​นี่​อยู่​เรื่อย!” ความ​ที่​เป็น​เด็ก ฉัน​ระดม​ถาม​พ่อ​แม่​ไม่​หยุด​ปาก. แต่​พ่อ​กับ​แม่​ไม่​เคย​ดุ​ฉัน​เพราะ​ความ​อยาก​รู้​อยาก​เห็น​ตาม​ประสา​เด็ก. ถ้า​พูด​ให้​ถูก ท่าน​สั่ง​สอน​ฉัน​ให้​หา​เหตุ​ผล​และ​ตัดสิน​ใจ​ด้วย​สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​ที่​ฝึก​ตาม​หลัก​คัมภีร์​ไบเบิล. การ​อบรม​แบบ​นี้​มี​ค่า​อย่าง​แท้​จริง! วัน​หนึ่ง​ตอน​อายุ 14 พวก​นาซี​ได้​พราก​พ่อ​และ​แม่​ที่​รัก​ไป​จาก​ฉัน และ​ฉัน​ไม่​ได้​เห็น​ท่าน​อีก​เลย.

พ่อ​ของ​ฉัน​ชื่อ​ออสการ์ เดนซ์ แม่​ชื่อ​อันนา มารีอา อาศัย​อยู่​ที่​เมือง​เลอร์รัค​ใน​เยอรมนี ติด​พรม​แดน​ประเทศ​สวิตเซอร์แลนด์. ตอน​วัย​หนุ่ม​สาว พ่อ​กับ​แม่​เข้า​ร่วม​การ​เมือง​อย่าง​แข็งขัน และ​ผู้​คน​ใน​ชุมชน​รู้​จัก​และ​ให้​ความ​เคารพ​นับถือ​ท่าน. พอ​มา​ถึง​ปี 1922 หลัง​การ​แต่งงาน​ไม่​นาน พ่อ​กับ​แม่​ก็​เปลี่ยน​ทัศนะ​ด้าน​การ​เมือง​และ​เป้าหมาย​ใน​ชีวิต​ของ​ท่าน. แม่​เริ่ม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​พยาน​พระ​ยะโฮวา สมัย​นั้น​เรียก​ว่า​นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์ และ​ท่าน​รู้สึก​ตื่นเต้น​ดีใจ​เมื่อ​เรียน​รู้​ว่า​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​จะ​นำ​สันติ​สุข​มา​สู่​แผ่นดิน​โลก. ไม่​ช้า​พ่อ​ก็​ได้​ร่วม​ศึกษา​กับ​แม่ แล้ว​เริ่ม​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ของ​นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์. ปี​นั้น​พ่อ​ถึง​กับ​มอบ​หนังสือ​พิณ​ของ​พระเจ้า เป็น​ของ​ขวัญ​วัน​คริสต์มาส​ให้​แม่. ฉัน​เกิด 25 มีนาคม 1923 เป็น​ลูก​คน​เดียว​ของ​พ่อ​แม่.

ฉัน​เก็บ​ความ​ทรง​จำ​ดี ๆ ที่​น่า​ชื่นชม​มาก​มาย​หลาย​อย่าง​ที่​ผ่าน​เข้า​มา​ใน​ชีวิต​ครอบครัว​ของ​เรา เป็น​ต้น​ว่า เรา​เดิน​เที่ยว​ทัศนาจร​ทาง​ไกล​ใน​ป่า​แบล็ก​ฟอเรสต์​ที่​เงียบ​สงบ​ใน​ฤดู​ร้อน และ​เรียน​รู้​งาน​บ้าน​งาน​ครัว​จาก​แม่! ฉัน​ยัง​จำ​ภาพ​แม่​ยืน​กำกับแม่​ครัว​รุ่น​จิ๋ว​ทำ​อาหาร. สำคัญ​ที่​สุด พ่อ​กับ​แม่​สอน​ฉัน​ให้​รัก​และ​วางใจ​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า.

ประชาคม​ของ​เรา​มี​ผู้​ประกาศ​ที่​ขยัน​ขันแข็ง​ประมาณ 40 คน. พ่อ​แม่​ของ​ฉัน​ชำนิ​ชำนาญ​ใน​การ​สร้าง​โอกาส​พูด​คุย​เรื่อง​ราชอาณาจักร. เนื่อง​จาก​ท่าน​เคย​ร่วม​ทำ​กิจกรรม​ใน​ชุมชน​มา​ก่อน จึง​รู้สึก​ผ่อน​คลาย​เมื่อ​พูด​คุย​กับ​ผู้​คน และ​ประชาชน​เอง​ก็​ยินดี​ต้อนรับ​ท่าน. ตอน​ฉัน​อายุ​เจ็ด​ขวบ ฉัน​อยาก​ออก​ไป​ประกาศ​ตาม​บ้าน​ด้วย. วัน​แรก เพื่อน​ผู้​ประกาศ​ที่​ฉัน​ไป​ด้วย​ได้​ยื่น​สิ่ง​พิมพ์​บาง​เล่ม​ให้​ฉัน แล้ว​ชี้​ไป​ที่​บ้าน​หลัง​หนึ่ง​และ​บอก​แต่​เพียง​ว่า “ไป​ที่​บ้าน​นั้น​แล้ว​ดู​ซิ​ว่า​เขา​ต้องการ​วารสาร​นี้​หรือ​เปล่า.” มา​ใน​ปี 1931 พวก​เรา​ได้​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ใหญ่​ของ​นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​ใน​เมือง​บาเซิล ประเทศ​สวิตเซอร์แลนด์. พ่อ​กับ​แม่​ได้​รับ​บัพติสมา​ที่​นั่น.

จาก​ความ​ยุ่งยาก​มา​ถึง​การ​ปกครอง​แบบ​กดขี่

สมัย​นั้น​ประเทศ​เยอรมนี​ตก​อยู่​ใน​ภาวะ​ยุ่งยาก​อย่าง​รุนแรง และ​พรรค​การ​เมือง​ย่อย​หลาย​ฝ่าย​ต่าง​ก็​ยก​พวก​ปะทะ​กัน​ตาม​ถนน. คืน​วัน​หนึ่ง ฉัน​ตกใจ​ตื่น​เพราะ​เสียง​กรีด​ร้อง​จาก​บ้าน​ข้าง ๆ. ชาย​วัยรุ่น​สอง​คน​ได้​ใช้​สาม​ง่าม​แทง​พี่​ชาย​ตัว​เอง​จน​เสีย​ชีวิต ด้วย​สาเหตุ​ที่​คน​ทั้ง​สอง​มี​ทัศนะ​ทาง​การ​เมือง​ไม่​ตรง​กัน​กับ​พี่​ชาย. การ​เป็น​ปรปักษ์​ต่อ​ต้าน​ชาว​ยิว​หนัก​ข้อ​มาก​ขึ้น​อย่าง​เห็น​ได้​ชัด. ที่​โรง​เรียน เด็ก​หญิง​คน​หนึ่ง​ถูก​สั่ง​ให้​ยืน​อยู่​คน​เดียว​ที่​มุม​ห้อง​ก็​เพราะ​เธอ​เป็น​เด็ก​ยิว. ฉัน​รู้สึก​สลด​ใจ​แทน ไม่​รู้​เลย​ว่า​ใน​ไม่​ช้า​ฉัน​จะ​ได้​ประสบ​ด้วย​ตัว​เอง​ว่า​เมื่อ​ถูก​ตัด​ออก​นอก​วง​สังคม​แล้ว​รู้สึก​อย่าง​ไร.

วัน​ที่ 30 มกราคม 1933 อะดอล์ฟ ฮิตเลอร์​ขึ้น​ดำรง​ตำแหน่ง​นายก​รัฐมนตรี​ประเทศ​เยอรมนี. ห่าง​ไป​ประมาณ​สอง​ช่วง​ตึก เรา​สังเกต​ดู​พวก​นาซี​ชัก​ธง​สวัสติกะ​ขึ้น​สู่​ยอด​เสา​หน้า​ศาลา​กลาง​จังหวัด​เพื่อ​แสดง​ความ​มี​ชัย. ที่​โรง​เรียน ครู​ของ​เรา​มี​ศรัทธา​แก่​กล้า​สอน​นัก​เรียน​ให้​ทักทาย​กัน​ด้วย​คำ “ไฮล์ ฮิตเลอร์!” บ่าย​วัน​นั้น ฉัน​เล่า​เรื่อง​ที่​เกิด​ขึ้น​ให้​พ่อ​ฟัง. ท่าน​เริ่ม​รู้สึก​หนัก​ใจ​และ​พูด​ว่า “พ่อ​ไม่​ชอบ​เลย คำ ‘ไฮล์’ นี้​หมาย​ถึง​ความ​รอด. หาก​เรา​พูด ‘ไฮล์ ฮิตเลอร์’ นั่น​ก็​หมายความ​ว่า​เรา​ถือ​ว่า​ความ​รอด​มา​จาก​ฮิตเลอร์ ไม่​ได้​มา​จาก​พระ​ยะโฮวา. พ่อ​คิด​ว่า​มัน​ไม่​ถูก​ต้อง แต่​ลูก​ตัดสิน​ใจ​เอง​นะ​ว่า​ลูก​ควร​ทำ​อย่าง​ไร.”

เพื่อน​นัก​เรียน​เริ่ม​ปฏิบัติ​ต่อ​ฉัน​ประหนึ่ง​ว่า​ฉัน​เป็น​คน​ไม่​น่า​คบ เพราะ​ฉัน​ไม่​กล่าว​สดุดี​ฮิตเลอร์. นัก​เรียน​ชาย​บาง​คน​ถึง​กับ​ทุบ​ตี​ฉัน​เมื่อ​อยู่​ลับหลัง​ครู. ใน​ที่​สุด พวก​เขา​ก็​เลิก​ยุ่ง​เกี่ยว​กับ​ฉัน แม้​แต่​เพื่อน​ของ​ฉัน​ยัง​พูด​ว่า​พ่อ​ของ​เขา​ห้าม​มา​เล่น​กับ​ฉัน. ฉัน​เป็น​ตัว​อันตราย.

สอง​เดือน​ภาย​หลัง​พวก​นาซี​กุม​อำนาจ​ใน​เยอรมนี พวก​เขา​ประกาศ​ห้าม​งาน​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​เนื่อง​จาก​เป็น​ภัย​ต่อ​รัฐ. หน่วย​จู่​โจม​ได้​ปิด​สำนักงาน​เบเธล​ที่​เมือง​มักเดบูร์ก​และ​ประกาศ​ห้าม​พวก​เรา​ประชุม​กัน. แต่​เนื่อง​จาก​เรา​อยู่​ใกล้​พรม​แดน พ่อ​มี​ใบ​ผ่าน​แดน​ให้​เรา​ข้าม​ไป​ที่​บาเซิล​ได้ เรา​จึง​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​วัน​อาทิตย์​ที่​นั่น. พ่อ​พูด​บ่อย ๆ ว่า​อยาก​ให้​พวก​พี่​น้อง​ใน​ประเทศ​เยอรมนี​ได้​รับ​อาหาร​ฝ่าย​วิญญาณ​เช่น​เดียว​กัน​นี้​เพื่อ​จะ​เผชิญ​อนาคต​ได้​อย่าง​กล้า​หาญ.

การ​เดิน​เล่น​ที่​เสี่ยง​อันตราย

หลัง​การ​สั่ง​ปิด​สำนักงาน​ที่​มักเดบูร์ก​แล้ว จูเลียส ริฟเฟล อดีต​สมาชิก​คณะ​ทำ​งาน​ที่​นั่น​ได้​มา​ที่​เมือง​เลอร์รัค​บ้าน​เกิด​ของ​เขา เพื่อ​จัด​ระเบียบ​งาน​ประกาศ​ใต้​ดิน. พ่อ​เสนอ​ตัว​อาสา​ทันที. ท่าน​บอก​แม่​กับ​ฉัน​ให้​นั่ง​ฟัง​ท่าน​อธิบาย​เรื่อง​ที่​ได้​ตก​ลง​จะ​ช่วย​นำ​สิ่ง​พิมพ์​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล​จาก​สวิตเซอร์แลนด์​เข้า​ประเทศ​เยอรมนี. ท่าน​บอก​ว่า​คง​เป็น​การ​เสี่ยง​ไม่​น้อย​ที​เดียว และ​ตัว​ท่าน​เอง​อาจ​ถูก​จับ​วัน​ใด​ก็​ได้. ท่าน​ไม่​อยาก​ให้​เรา​คิด​ว่า​ท่าน​กดดัน​เรา​ให้​ร่วม​งาน​นี้ เพราะ​เป็น​งาน​ที่​เรา​ต้อง​เสี่ยง​อันตราย​ด้วย. แม่​ตอบ​ทัน​ควัน​ว่า “ฉัน​อยู่​ฝ่าย​คุณ.” ท่าน​ทั้ง​สอง​จ้อง​หน้า​ฉัน และ​ฉัน​พูด​ออก​มา​ว่า “ลูก​ขอ​อยู่​ฝ่าย​พ่อ​แม่​ด้วย​ค่ะ!”

แม่​ถัก​กระเป๋า​ขนาด​วารสาร​หอสังเกตการณ์ แล้ว​สอด​สิ่ง​พิมพ์​ใส่​ซอก​ด้าน​ข้าง​กระเป๋า​แล้ว​ถัก​ปิด​ไว้. แม่​ทำ​กระเป๋า​เล็ก​ติด​ไว้​อย่าง​มิดชิด​ใน​เสื้อ​ของ​พ่อ และ​ถัก​ผ้า​คาด​เอว​สอง​ชิ้น​สำหรับ​ฉัน​และ​แม่​จะ​พก​พา​คู่มือ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​เล่ม​เล็ก ๆ ติด​ตัว​ไป​ได้​อย่าง​แนบ​เนียน. แต่​ละ​ครั้ง​ที่​เรา​แอบ​นำ​สิ่ง​มี​ค่า​ที่​เป็น​ความ​ลับ​มา​ถึง​บ้าน​ได้​สำเร็จ เรา​ถอน​หายใจ​ด้วย​ความ​โล่ง​อก และ​ขอบพระคุณ​พระ​ยะโฮวา. เรา​ซุก​ซ่อน​สิ่ง​พิมพ์​ต่าง ๆ ไว้​ใน​ห้อง​ใต้​หลังคา.

ที​แรก​พวก​นาซี​ไม่​ระแวง​พวก​เรา​เลย. เขา​ไม่​เคย​สอบ​ถาม​หรือ​ค้น​บ้าน​ของ​เรา. ถึง​กระนั้น เรา​ตก​ลง​ใช้​รหัส—4711 ยี่ห้อ​น้ำหอม​ชื่อ​ดัง—เพื่อ​เตือน​พี่​น้อง​ฝ่าย​วิญญาณ​ของ​เรา​เมื่อ​เกิด​เรื่อง​ยุ่งยาก. หาก​การ​มา​ที่​บ้าน​จะ​เป็น​อันตราย​แก่​เขา เรา​ก็​จะ​เตือน​เขา​โดย​ใช้​รหัส​นั้น​ไม่​ทาง​ใด​ก็​ทาง​หนึ่ง. นอก​จาก​นั้น พ่อ​บอก​พี่​น้อง​ไว้​ล่วง​หน้า​ว่า​ก่อน​จะ​เข้า​บ้าน​ของ​เรา​ให้​มอง​ไป​ที่​หน้าต่าง​ห้อง​รับ​แขก. ถ้า​หน้าต่าง​ด้าน​ซ้าย​เปิด​อยู่ แสดง​ว่า​มี​อะไร​บาง​อย่าง​ผิด​ปกติ และ​ควร​หลบ​ไป​เสีย.

ใน​ช่วง​ระหว่าง​ปี 1936 ถึง 1937 ตำรวจ​ลับ​เกสตาโป​ออก​ปฏิบัติการ​จับ​กุม​พยาน​ฯ หลาย​พัน​คน​ขัง​คุก​และ​ส่ง​เข้า​ค่าย​กัก​กัน ที่​นั่น​พวก​เขา​ประสบ​การ​กระทำ​ที่​โหด​ร้าย​ทารุณ​แสน​สาหัส. สำนักงาน​สาขา​ใน​กรุง​เบิร์น ประเทศ​สวิตเซอร์แลนด์​เริ่ม​ต้น​รวบ​รวม​ราย​ละเอียด​เกี่ยว​กับ​เหตุ​การณ์​ใน​ค่าย​เหล่า​นั้น รวม​ทั้ง​ข่าว​ที่​เล็ดลอด​ออก​มา​จาก​ค่าย เพื่อ​จัด​ทำ​หนังสือ Kreuzzug gegen das Christentum (สงคราม​ครูเสด​ปราบ​ปราม​ศาสนา​คริสเตียน ภาษา​เยอรมัน) เป็น​การ​เปิดโปง​ความ​ผิด​ทาง​อาญา​ของ​พวก​นาซี. พวก​เรา​อาสา​ทำ​งาน​เสี่ยง​อันตราย​ด้วย​การ​นำ​รายงาน​ลับ​นี้​ข้าม​พรม​แดน​ไป​ยัง​บาเซิล. ถ้า​พวก​นาซี​จับ​ได้​ว่า​เรา​ลักลอบ​นำ​เอกสาร​อัน​เป็น​สิ่ง​ต้อง​ห้าม​ออก​มา เรา​จะ​ถูก​จับ​เข้า​คุก​ทันที. ฉัน​ร้องไห้​ขณะ​อ่าน​เรื่อง​ราว​ของ​พวก​พี่​น้อง​ที่​ทน​การ​ทรมาน. แต่​ฉัน​ไม่​รู้สึก​หวาด​กลัว. ฉัน​วางใจ​ว่า​เพื่อน​แท้​ของ​ฉัน​ซึ่ง​ได้​แก่​พระ​ยะโฮวา​และ​พ่อ​แม่​ของ​ฉัน​จะ​คอย​ปก​ป้อง​ดู​แล​ฉัน.

ฉัน​เรียน​จบ​เมื่อ​อายุ 14 และ​ได้​งาน​เป็น​เสมียน​ที่​ร้าน​ขาย​เครื่อง​มือ​เครื่อง​ใช้​ใน​ครัว​เรือน. ปกติ​เรา​เดิน​ทาง​ส่ง​ข่าวสาร​ตอน​บ่าย​วัน​เสาร์​หรือ​วัน​อาทิตย์​เมื่อ​พ่อ​ไม่​ได้​ไป​ทำ​งาน. โดย​เฉลี่ย เรา​เดิน​ทาง​ทุก​สอง​สัปดาห์. เรา​ดู​ไม่​แปลก​ไป​กว่า​ครอบครัว​อื่น​ที่​ท่อง​เที่ยว​วัน​สุด​สัปดาห์ และ​เป็น​อย่าง​นี้​เกือบ​สี่​ปี เจ้าหน้าที่​ประจำ​ชายแดน​ไม่​เคย​สกัด​พวก​เรา​หรือ​พยายาม​ตรวจ​ค้น​ตัว จน​กระทั่ง​วัน​หนึ่ง​ใน​เดือน​กุมภาพันธ์ ปี 1938.

ถูก​จับ​ได้!

ฉัน​ไม่​มี​วัน​ลืม​สี​หน้า​พ่อ​เมื่อ​เรา​มา​ถึง​จุด​นัด​รับ​หนังสือ​ใกล้​เมือง​บาเซิล และ​มอง​เห็น​สิ่ง​พิมพ์​กอง​ใหญ่​วาง​อยู่​ตรง​หน้า. เนื่อง​จาก​อีก​ครอบครัว​หนึ่ง​ที่​เดิน​ทาง​รับ​ส่ง​สาร​เพิ่ง​ถูก​จับ เรา​จึง​ต้อง​ขน​หนังสือ​ปริมาณ​มาก​กว่า​เดิม. ตรง​จุด​ผ่าน​แดน เจ้าหน้าที่​ศุลกากร​จับตา​มอง​เรา​อย่าง​สงสัย​และ​สั่ง​ค้น. พอ​เห็น​หนังสือ​เท่า​นั้น​แหละ เขา​เอา​ปืน​จี้​เรา​ให้​เดิน​ไป​ที่​รถ​ตำรวจ​ซึ่ง​คอย​อยู่. ขณะ​เจ้าหน้าที่​ขับ​รถ​นำ​เรา​ออก​ไป พ่อ​บีบ​มือ​ฉัน​พร้อม​กับ​กระซิบ​ว่า “อย่า​ทรยศ. อย่า​เปิด​เผย​ชื่อ​คน​หนึ่ง​คน​ใด​เป็น​อัน​ขาด!” ฉัน​รับรอง​กับ​พ่อ​ว่า “จ้ะ ลูก​จะ​ไม่​ทำ.” เมื่อ​เรา​กลับ​มา​ที่​เมือง​เลอร์รัค พ่อ​สุด​ที่​รัก​ก็​ถูก​พราก​ตัว​ไป​จาก​ฉัน​เสีย​แล้ว. ฉัน​เห็น​พ่อ​ครั้ง​สุด​ท้าย​เมื่อ​พ่อ​เดิน​คล้อย​หลัง แล้ว​ประตู​คุก​ก็​ปิด.

ตำรวจ​ลับ​สี่​นาย​สอบ​ถาม​ฉัน​นาน​ถึง​สี่​ชั่วโมง ต้องการ​ให้​ฉัน​บอก​ชื่อ​และ​ที่​อยู่​ของ​พยาน​ฯ คน​อื่น ๆ แก่​เขา. เมื่อ​ฉัน​ไม่​ยอม ตำรวจ​นาย​หนึ่ง​โกรธ​มาก​และ​ขู่​ว่า “เรา​มี​หลาย​วิธี​ที่​จะ​ทำ​ให้​แก​พูด​ให้​ได้!” กระนั้น ฉัน​ไม่​ได้​เปิด​เผย​เรื่อง​ใด ๆ เลย. ครั้น​แล้ว​พวก​ตำรวจ​ลับ​ก็​พา​ฉัน​กับ​แม่​กลับ​มา​ที่​บ้าน นี่​เป็น​ครั้ง​แรก​ที่​บ้าน​เรา​ถูก​ตรวจ​ค้น. พวก​เขา​คุม​ขัง​แม่​ไว้​และ​มอบ​ฉัน​ให้​อยู่​ใน​ความ​ควบคุม​ดู​แล​ของ​ป้า พวก​เขา​หา​รู้​ไม่​ว่า​ป้า​ก็​เป็น​พยาน​ฯ เหมือน​กัน. ถึง​แม้​เขา​อนุญาต​ฉัน​ไป​ทำ​งาน​นอก​บ้าน แต่​มี​ตำรวจ​ลับ​สี่​นาย​นั่ง​ใน​รถ​ซึ่ง​จอด​อยู่​หน้า​บ้าน​คอย​จับตา​ดู​การ​เคลื่อน​ไหว​ของ​ฉัน​ทุก​ฝี​ก้าว ขณะ​ที่​ตำรวจ​อีก​นาย​หนึ่ง​เดิน​ตรวจ​บริเวณ​ทาง​เท้า.

สอง​สาม​วัน​ต่อ​มา ฉัน​เดิน​ออก​จาก​บ้าน​ตอน​เที่ยง​วัน และ​เห็น​พยาน​ฯ สาว​ถีบ​จักรยาน​รี่​เข้า​มา. ครั้น​ประชิด​ตัว เธอ​ยื่น​กระดาษ​แผ่น​หนึ่ง​ให้​ฉัน. พอ​คว้า​กระดาษ​ได้ ฉัน​ก็​หัน​ไป​ดู​ว่า​ตำรวจ​ได้​เห็น​ฉัน​ทำ​อะไร​ไป​หรือ​เปล่า. น่า​อัศจรรย์​แท้ ๆ เสี้ยว​วินาที​นั้น​เอง พวก​เขา​กำลัง​สนุก​หัวเราะ​กัน​ลั่น​ที​เดียว!

ข้อ​ความ​สั้น ๆ บน​กระดาษ​ชิ้น​นั้น​แนะ​ให้​ฉัน​ไป​ที่​บ้าน​พ่อ​แม่​ของ​เธอ​ตอน​เที่ยง. แต่​เมื่อ​พวก​ตำรวจ​ลับ​จับตา​ดู​อยู่ ฉัน​จะ​เสี่ยง​อันตราย​ทำ​ให้​พ่อ​แม่​ของ​เธอ​โดน​ข้อ​หา​อย่าง​ไร​ได้? ฉัน​มอง​ไป​ที่​ตำรวจ​ลับ​สี่​คน​ใน​รถ แล้ว​หัน​ไป​ดู​ตำรวจ​ที่​เดิน​ตรวจ​บริเวณ​ถนน. ฉัน​ไม่​รู้​จะ​ทำ​อย่าง​ไร ฉัน​จึง​อธิษฐาน​ด้วย​ใจ​ร้อน​รน​ขอ​ความ​ช่วยเหลือ​จาก​พระ​ยะโฮวา. อึด​ใจ​นั้น​เอง ตำรวจ​ที่​เดิน​ตรวจ​หน้า​บ้าน​เดิน​ไป​ที่​รถ​และ​พูด​กับ​ตำรวจ​ลับ แล้ว​ขึ้น​รถ และ​พวก​นั้น​ก็​ขับ​ออก​ไป​เลย!

ช่วง​นั้น​เอง ป้า​ก็​เดิน​มา​ถึง​หัว​มุม​ถนน​พอ​ดี. นั่น​หลัง​เที่ยง​วัน​แล้ว. ป้า​อ่าน​ข้อ​ความ​สั้น ๆ และ​คิด​ว่า​เรา​ควร​ไป​ตาม​ที่​แนะ​นำ​ไว้ เดา​เอา​ว่า​พวก​พี่​น้อง​คง​เตรียม​การ​จะ​พา​ฉัน​ไป​สวิตเซอร์แลนด์. เมื่อ​เรา​ไป​ถึง ครอบครัว​นั้น​ได้​แนะ​นำ​ฉัน​ให้​รู้​จัก​ชาย​ผู้​หนึ่ง​ซึ่ง​ฉัน​ไม่​รู้​จัก เขา​ชื่อ​ไฮน์ริค ไรฟฟ์. เขา​บอก​ฉัน​ว่า​เขา​ดีใจ​ที่​ฉัน​พ้น​มา​ได้​อย่าง​ปลอด​ภัย เขา​มา​ที่​นี่​เพื่อ​จะ​พา​ฉัน​หลบ​หนี​เข้า​ประเทศ​สวิตเซอร์แลนด์. เขา​นัด​ฉัน​ให้​ไป​พบ​ที่​ป่า​ไม้​ภาย​ใน​ครึ่ง​ชั่วโมง.

การ​อยู่​ต่าง​ถิ่น

ฉัน​ไป​พบ​บราเดอร์ ไรฟฟ์​ทั้ง​น้ำตา​อาบ​แก้ม ใจ​คอ​ห่อเหี่ยว​เมื่อ​นึก​ถึง​การ​จำ​พราก​จาก​พ่อ​แม่​ไป​อยู่​ที่​อื่น. มัน​เป็น​เหตุ​การณ์​ที่​เกิด​ขึ้น​เร็ว​เหลือ​เกิน. หลัง​จาก​วิตก​กังวล​อยู่​ชั่ว​ขณะ​หนึ่ง เรา​ออก​เดิน​ปะปน​ไป​กับ​กลุ่ม​นัก​ท่อง​เที่ยว​ข้าม​พรม​แดน​ถึง​สวิตเซอร์แลนด์​อย่าง​ปลอด​ภัย.

เมื่อ​ไป​ถึง​สำนักงาน​สาขา​ใน​กรุง​เบิร์น ฉัน​จึง​ได้​รู้​ว่า​พี่​น้อง​ที่​นั่น​จัด​เตรียม​การ​หลบ​หนี​ให้​ฉัน. พวก​เขา​เอื้อเฟื้อ​ให้​ที่​พัก​อาศัย. ฉัน​ทำ​งาน​ใน​ครัว งาน​ที่​ฉัน​ชอบ​มาก. แต่​มัน​ยาก​เสีย​นี่​กระไร​ที่​อาศัย​อยู่​ต่าง​ถิ่น ไม่​มี​ทาง​รู้​เลย​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น​กับ​พ่อ​แม่​ระหว่าง​ที่​ท่าน​ทั้ง​สอง​ถูก​ตัดสิน​จำ​คุก​สอง​ปี! บาง​ครั้ง ความ​ทุกข์​โศก​และ​ความ​กระวนกระวาย​ทำ​ให้​ฉัน​หมดกำลัง และ​ขัง​ตัว​เอง​ร้องไห้​ใน​ห้อง​น้ำ. แต่​ฉัน​สามารถ​เขียน​จดหมาย​ติด​ต่อ​กับ​พ่อ​แม่​เป็น​ประจำ และ​ท่าน​เป็น​กำลังใจ​สนับสนุน​ฉัน​ให้​ซื่อ​สัตย์​ภักดี​อยู่​เสมอ.

ตัว​อย่าง​ความ​เชื่อ​ของ​พ่อ​แม่​เป็น​พลัง​กระตุ้น​ฉัน​ให้​อุทิศ​ชีวิต​แด่​พระ​ยะโฮวา​และ​ฉัน​รับ​บัพติสมา​เมื่อ​วัน​ที่ 25 กรกฎาคม 1938. หลัง​จาก​อยู่​ที่​เบเธล​หนึ่ง​ปี ฉัน​ไป​ทำ​งาน​ที่​ชาเนลา ที่​นี่​สาขา​สวิส​ได้​ซื้อ​ฟาร์ม​แห่ง​หนึ่ง​เพื่อ​ผลิต​อาหาร​ส่ง​ครอบครัว​เบเธล และ​ยัง​ใช้​เป็น​ที่​พัก​อาศัย​สำหรับ​พวก​พี่​น้อง​ที่​หลบ​หนี​การ​ข่มเหง​อีก​ด้วย.

เมื่อ​พ่อ​แม่​ฉัน​ครบ​กำหนดการ​ต้อง​โทษ​ใน​ปี 1940 พวก​นาซี​เสนอ​ให้​อิสรภาพ​หาก​ท่าน​ยอม​ละ​ทิ้ง​ความ​เชื่อ. แต่​ท่าน​ปฏิเสธ​อย่าง​หนักแน่น พวก​นาซี​จึง​ส่ง​เข้า​ค่าย​กัก​กัน พ่อ​ถูก​ส่ง​ไป​ที่​ค่าย​ดาเคา ส่วน​แม่​ถูก​ส่ง​ไป​ที่​ราเฟนส์บรึค. ใน​ช่วง​ฤดู​หนาว​ปลาย​ปี 1941 แม่​และ​บรรดา​พยาน​ฯ หญิง​ใน​ค่าย​ไม่​ยอม​ทำ​งาน​ที่​พัวพัน​กับ​การ​ทหาร. พยาน​ฯ หญิง​ถูก​ลง​โทษ​ด้วย​การ​ปล่อย​ทิ้ง​ให้​อยู่​กลางแจ้ง​สาม​วัน​สาม​คืน​ท่ามกลาง​อากาศ​หนาว​จัด หลัง​จาก​นั้น​พวก​เขา​ถูก​ขัง​ใน​ห้อง​มืด​และ​อดอยาก​นาน​ถึง 40 วัน​เพราะ​การ​ปัน​ส่วน​อาหาร​น้อย​มาก​จน​ไม่​พอ​กิน. ครั้น​แล้ว​พวก​เขา​โดน​เฆี่ยน​อีก. แม่​ถึง​แก่​ความ​ตาย​ใน​วัน​ที่ 31 มกราคม 1942 สาม​สัปดาห์​หลัง​จาก​ถูก​เฆี่ยน​อย่าง​โหด​ร้าย​ทารุณ.

พ่อ​ถูก​ย้าย​จาก​ค่าย​ดาเคา​ไป​ที่​เมา​เทา​เซน​ใน​ออสเตรีย. ณ ค่าย​แห่ง​นี้ พวก​นาซี​มี​ระบบ​การ​สังหาร​นัก​โทษ​ด้วย​การ​ปล่อย​ให้​อด​อาหาร​ตาย และ​บังคับ​ให้​ทำ​งาน​หนัก​อย่าง​ไม่​มี​ทาง​โต้. แต่​หก​เดือน​หลัง​จาก​แม่​ตาย พวก​นาซี​ได้​ฆ่า​พ่อ​โดย​วิธี​ที่​ต่าง​กัน เป็น​การ​ทดลอง​ทาง​การ​แพทย์. แพทย์​ประจำ​ค่าย​ได้​จงใจ​ฉีด​เชื้อ​วัณโรค​ให้​แก่​นัก​โทษ. ต่อ​จาก​นั้น เขา​ฉีด​ยา​ที่​เป็น​อันตราย​ถึง​ตาย​เข้า​หัวใจ นัก​โทษ​ก็​สิ้น​ชีวิต. บันทึก​ของ​ทาง​การ​ระบุ​ว่า​พ่อ​ฉัน​ตาย​ด้วย “โรค​กล้ามเนื้อ​หัวใจ​อ่อนแอ.” อายุ​ท่าน​แค่ 43 ปี. กว่า​ฉัน​ได้​มา​รู้​เรื่อง​การ​สังหาร​อย่าง​ทารุณ​แบบ​นี้ เวลา​ผ่าน​ไป​หลาย​เดือน​แล้ว. ฉัน​น้ำตา​ซึม​ทุก​ครั้ง​ที่​ระลึก​ถึง​พ่อ​แม่​ผู้​เป็น​ที่​รัก​ของ​ฉัน. กระนั้น ฉัน​ได้​รับ​การ​ชู​ใจ​ทั้ง​ที่​ผ่าน​มา​และ​ใน​ตอน​นี้ เพราะ​รู้​ว่า​พ่อ​แม่​ของ​ฉัน​มี​ความ​หวัง​จะ​ได้​ชีวิต​ทาง​ภาค​สวรรค์ ท่าน​ปลอด​ภัย​แล้ว​ใน​พระ​หัตถ์​ของ​พระ​ยะโฮวา.

หลัง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2 ฉัน​มี​สิทธิ​พิเศษ​ได้​เป็น​นัก​เรียน​รุ่น​ที่ 11 ใน​โรง​เรียน​ว็อชเทาเวอร์​ไบเบิล​แห่ง​กิเลียด​ที่​นิวยอร์ก. ช่าง​เป็น​ความ​ชื่นชม​อย่าง​แท้​จริง​ที่​ได้​หมกมุ่น​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​เป็น​เวลา​นาน​ห้า​เดือน! ครั้น​จบ​หลัก​สูตร​ใน​ปี 1948 สมาคม​ส่ง​ฉัน​ไป​รับใช้​ฐานะ​มิชชันนารี​ที่​สวิตเซอร์แลนด์. จาก​นั้น​ไม่​นาน ฉัน​พบ​เจมส์ แอล. เทอร์พิน บราเดอร์​ที่​ซื่อ​สัตย์​จบ​จาก​โรง​เรียน​กิเลียด​รุ่น​ที่​ห้า. เมื่อ​มี​การ​ตั้ง​สำนักงาน​สาขา​เป็น​ครั้ง​แรก​ใน​ตุรกี เขา​รับใช้​ฐานะ​ผู้​ดู​แล​สาขา. เรา​แต่งงาน​กัน​ใน​เดือน​มีนาคม 1951 และ​ไม่​นาน​หลัง​จาก​นั้น​ฉัน​ก็​ตั้ง​ครรภ์​และ​เรา​จะ​มี​ลูก! เรา​ย้าย​ไป​ประเทศ​สหรัฐ และ​ได้​ต้อนรับ​มาลีน ทารก​เพศ​หญิง​ที่​ออก​มา​ลืม​ตา​ดู​โลก​ใน​เดือน​ธันวาคม​ปี​เดียว​กัน.

ใน​ช่วง​เวลา​หลาย​ปี ฉัน​กับ​จิม (เจมส์) ประสบ​ความ​ชื่นชม​ยินดี​มาก​มาย​ใน​งาน​รับใช้​ราชอาณาจักร. ฉัน​ชื่นชม​เมื่อ​นึก​ถึง​นัก​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​คน​หนึ่ง เธอ​เป็น​สาว​จีน​ชื่อ​เพนนี เธอ​ชอบ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​เสีย​จริง ๆ. เธอ​รับ​บัพติสมา และ​ใน​เวลา​ต่อ​มา​แต่งงาน​กับ​กาย เพียร์ซ เวลา​นี้​รับใช้​ใน​คณะ​กรรมการ​ปกครอง​แห่ง​พยาน​พระ​ยะโฮวา. คน​น่า​รัก​แบบ​นี้​มี​ค่า​จริง ๆ ที่​ช่วย​บรรเทา​ความ​รู้สึก​อ้างว้าง​ด้วย​เหตุ​ที่​ฉัน​ได้​สูญ​เสีย​พ่อ​แม่​ไป.

ต้น​ปี 2004 ที่​เมือง​เลอร์รัค ซึ่ง​เป็น​บ้าน​เกิด​ของ​พ่อ​แม่ พี่​น้อง​พยาน​ฯ ได้​สร้าง​หอ​ประชุม​ราชอาณาจักร​หลัง​ใหม่​บน​ถนน​ชทิค. เพื่อ​แสดง​ให้​เห็น​ถึง​การ​ยอม​รับ​นับถือ​สิ่ง​ที่​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ได้​ประพฤติ​ปฏิบัติ สภา​เทศบาล​จึง​ตก​ลง​เปลี่ยน​ชื่อ​ถนน​เสีย​ใหม่​ว่า​เดนซ์สทราเซ (ถนน​เดนซ์) เพื่อ​เป็น​เกียรติ​แก่​พ่อ​และ​แม่​ของ​ฉัน. บาดิเช ไซทุง หนังสือ​พิมพ์​ท้องถิ่น​แถลง​ใต้​หัว​ข่าว​ว่า “เพื่อ​เป็น​การ​รำลึก​ถึง​ครอบครัว​เดนซ์​ที่​ถูก​สังหาร ถนน​จึง​มี​ชื่อ​ใหม่​อย่าง​นี้” และ​กล่าว​ถึง​พ่อ​แม่​ของ​ฉัน​ว่า “ถูก​ฆ่า​ใน​ค่าย​กัก​กัน​สมัย​จักรวรรดิ​ไรช์​ที่​สาม​เนื่อง​ด้วย​ความ​เชื่อ​ของ​เขา.” ใน​ความ​คิด​ของ​ฉัน​แล้ว ดำเนิน​การ​ครั้ง​นี้​ของ​สภา​เทศบาล​เป็น​เรื่อง​เกิน​ความ​คาด​หมาย แต่​ก็​เป็น​การ​เปลี่ยน​ที่​ทำ​ให้​ปลาบปลื้ม​อย่าง​ยิ่ง.

พ่อ​เคย​พูด​ว่า​เรา​ควร​วาง​แผน​ล่วง​หน้า​เสมือน​ว่า​อาร์มาเก็ดดอน​ยัง​จะ​ไม่​เกิด​ขึ้น​ใน​สมัย​ของ​เรา แต่​ประพฤติ​ปฏิบัติ​ตัว​ประหนึ่ง​ว่า​อาร์มาเก็ดดอน​จะ​มา​พรุ่ง​นี้ เป็น​คำ​แนะ​นำ​ที่​มี​คุณค่า​ยิ่ง​ซึ่ง​ฉัน​พยายาม​ปฏิบัติ​ตาม​เสมอ​มา. การ​รักษา​ความ​สมดุล​ระหว่าง​ความ​พากเพียร​และ​ความ​หวัง​อัน​แรง​กล้า​เช่น​นั้น​ใช่​ว่า​จะ​ง่าย​เสมอ​ไป โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​เนื่อง​จาก​ผล​กระทบ​อัน​เนื่อง​มา​จาก​ความ​ชรา​ทำ​ให้​ฉัน​ต้อง​อยู่​แต่​ใน​บ้าน. กระนั้น ฉัน​ไม่​เคย​สงสัย​คำ​สัญญา​ของ​พระ​ยะโฮวา​ที่​ตรัส​แก่​เหล่า​ผู้​รับใช้​สัตย์​ซื่อ​ของ​พระองค์​ว่า “จง​วางใจ​ใน​พระ​ยะโฮวา​ด้วย​สุด​ใจ​ของ​เจ้า . . . จง​รับ​พระองค์​ให้​เข้า​ส่วน​ใน​ทาง​ทั้ง​หลาย​ของ​เจ้า และ​พระองค์​จะ​ชี้​ทาง​เดิน​ของ​เจ้า​ให้​แจ่ม​แจ้ง.”—สุภาษิต 3:5, 6.

[กรอบ/ภาพ​หน้า 29]

ถ้อย​คำ​อัน​ทรง​ค่า​จาก​อดีต

ผู้​หญิง​คน​หนึ่ง​จาก​หมู่​บ้าน​ซึ่ง​อยู่​ห่าง​ไกล​พอ​ประมาณ​ได้​แวะ​มา​ที่​เมือง​เลอร์รัค​ใน​ช่วง​ทศวรรษ 1980. ช่วง​นั้น ชาว​บ้าน​นำ​สิ่ง​ของ​ที่​เขา​ไม่​ต้องการ​มา​วาง​ไว้ ณ ที่​สาธารณะ ซึ่ง​ใคร ๆ ก็​อาจ​มอง​หา​ของ​ที่​ตน​ต้องการ​และ​หยิบ​เอา​ได้. ผู้​หญิง​คน​นี้​หยิบ​ได้​กล่อง​เครื่อง​เย็บ​ปัก​ถัก​ร้อย​และ​เอา​ไป​ที่​บ้าน. ต่อ​มา เธอ​พบ​รูป​ถ่าย​เด็ก​ผู้​หญิง​จำนวน​หนึ่ง​ที่​ก้น​กล่อง​และ​พบ​จดหมาย​หลาย​ฉบับ​ที่​ใช้​กระดาษ​ของ​ค่าย​กัก​กัน​เขียน. หญิง​คน​นี้​สนใจ​มาก​เรื่อง​จดหมาย และ​อยาก​สืบ​หา​หลักฐาน​ของ​เด็ก​หญิง​ตัว​เล็ก ๆ ที่​ไว้​ผม​เปีย​คน​นั้น.

วัน​หนึ่ง​ใน​ปี 2000 เธอ​ได้​อ่าน​บทความ​ใน​หนังสือ​พิมพ์​แจ้ง​การ​แสดง​นิทรรศการ​เชิง​ประวัติศาสตร์​ใน​เมือง​เลอร์รัค. บทความ​นี้​พรรณนา​ประวัติ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​สมัย​นาซี รวม​ถึง​ครอบครัว​ของ​เรา. บทความ​ดัง​กล่าว​มี​รูป​ถ่าย​สมัย​ฉัน​เป็น​เด็ก​วัยรุ่น​ปรากฏ​อยู่​ด้วย. เมื่อ​เปรียบ​เทียบ​ราย​ละเอียด​ต่าง ๆ และ​เห็น​ว่า​ตรง​กัน เธอ​ได้​ติด​ต่อ​กับ​นัก​หนังสือ​พิมพ์​และ​บอก​เล่า​ความ​เป็น​มา​ของ​จดหมาย​เหล่า​นั้น รวม​ทั้ง​สิ้น 42 ฉบับ! เพียง​ไม่​กี่​สัปดาห์​ต่อ​มา จดหมาย​เหล่า​นั้น​ก็​ตก​มา​อยู่​ใน​มือ​ฉัน. ลายมือ​ใน​จดหมาย​เป็น​ของ​พ่อ​กับ​แม่​เขียน​ถึง​ป้า​และ​ถาม​ข่าว​คราว​ของ​ฉัน​เสมอ. ความ​ห่วงใย​รักใคร่​ที่​ท่าน​มี​ต่อ​ฉัน​ไม่​ได้​เสื่อม​คลาย. น่า​พิศวง​อย่าง​ยิ่ง​ที่​จดหมาย​เหล่า​นี้​ผ่าน​กาล​เวลา​มา​ได้​และ​ปรากฏ​ให้​เห็น​อีก​แม้​ล่วง​เลย​นาน​กว่า 60 ปี​แล้ว!

[ภาพ​หน้า 25]

ครอบครัว​ของ​เรา​ที่​มี​ความ​สุข​ต้อง​พลัด​พราก​จาก​กัน​เมื่อ​ฮิตเลอร์​ขึ้น​มา​มี​อำนาจ

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

Hitler: U.S. Army photo

[ภาพ​หน้า 26]

1. สำนักงาน​สาขา​ที่​มักเดบูร์ก

2. พวก​เกสตาโป​จับ​กุม​พยาน​พระ​ยะโฮวา​หลาย​พัน​คน

[ภาพ​หน้า 28]

ฉัน​กับ​จิม​ชื่นชม​เหลือ​ล้น​ใน​งาน​รับใช้​ราชอาณาจักร