ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

ความอิ่มใจด้วยความเลื่อมใสในพระเจ้าได้ค้ำจุนผมเสมอมา

ความอิ่มใจด้วยความเลื่อมใสในพระเจ้าได้ค้ำจุนผมเสมอมา

เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง

ความ​อิ่ม​ใจ​ด้วย​ความ​เลื่อมใส​ใน​พระเจ้า​ได้​ค้ำจุน​ผม​เสมอ​มา

เล่า​โดย​เบนจามิน อีเคชูควู โอซุเอเค

หลัง​จาก​ผม​เริ่ม​งาน​รับใช้​ฝ่าย​คริสเตียน​เต็ม​เวลา​ไม่​นาน ผม​แวะ​ไป​ที่​บ้าน​พ่อ​แม่. พอ​เห็น​หน้า​ผม พ่อ​ก็​โถม​ตัว​เข้า​มา​กระชาก​เสื้อ​ผม​และ​ตะโกน​ว่า “เจ้า​คน​ขโมย!” พ่อ​คว้า​ดาบ​ใบ​กว้าง​และ​ใช้​ส่วน​แบน​ตี​ผม​อย่าง​แรง. เพราะ​เสียง​ดัง​ลั่น​ชาว​บ้าน​จึง​แห่​กัน​มา​ที่​บ้าน​ของ​เรา. ผม​ขโมย​อะไร​หรือ? ขอ​ให้​ผม​ชี้​แจง.

ผม​เกิด​ปี 1930 ณ หมู่​บ้าน​อูมูอาเรียม ทาง​ตะวัน​ออก​เฉียง​ใต้​ของ​ไนจีเรีย. ผม​เป็น​ลูก​หัวปี​ใน​จำนวน​ลูก​ชาย​หญิง​เจ็ด​คน. น้อง​สาว​คน​โต​ตาย​เมื่อ​อายุ 13 ปี. พ่อ​แม่​สังกัด​ใน​นิกาย​แองกลิกัน. พ่อ​เป็น​ชาว​นา และ​แม่​เป็น​แม่​ค้า​ขาย​ปลีก. แม่​เดิน​ไป​ซื้อ​น้ำมัน​ปาล์ม​เพียง​หนึ่ง​ปี๊บ​ที่​ตลาด​ท้องถิ่น​ซึ่ง​อยู่​ห่าง​หมู่​บ้าน​ของ​เรา​ราว ๆ 30 กิโลเมตร และ​กลับ​ถึง​บ้าน​ตอน​ค่ำ​วัน​เดียว​กัน. พอ​รุ่ง​เช้า​ของ​วัน​ถัด​ไป แม่​จะ​เดิน​ไป​ขาย​น้ำมัน​ที่​สถานี​รถไฟ​ใน​เมือง​ซึ่ง​ไกล​ออก​ไป​ประมาณ 40 กิโลเมตร. ถ้า​แม่​ขาย​ได้​กำไร ซึ่ง​ปกติ​จะ​ไม่​เกิน 15 เซนต์ (เจ็ด​บาท) แม่​ก็​ซื้อ​อาหาร​สำหรับ​ครอบครัว​และ​กลับ​บ้าน​วัน​เดียว​กัน. แม่​ทำ​อย่าง​นี้​อยู่​นาน​ราว ๆ 15 ปี กระทั่ง​แม่​ตาย​เมื่อ​ปี 1950.

ผม​เริ่ม​เข้า​โรง​เรียน​ใน​หมู่​บ้าน​ซึ่ง​ดำเนิน​การ​โดย​คริสตจักร​แองกลิกัน แต่​การ​จะ​เรียน​จน​จบ​ชั้น​ประถม ผม​ต้อง​ไป​อยู่​ที่​หอ​พัก​ไกล​จาก​บ้าน​ประมาณ 35 กิโลเมตร. เนื่อง​จาก​พ่อ​แม่​ไม่​มี​เงิน​ให้​ผม​เรียน​ต่อ ผม​จึง​เริ่ม​หา​งาน​ทำ. ที​แรก​ผม​ทำ​งาน​เป็น​เด็ก​รับใช้​ใน​บ้าน​ของ​พนักงาน​เฝ้า​สถานี​รถไฟ​ใน​กรุง​ลากอส ทาง​ตะวัน​ตก​ของ​ไนจีเรีย และ​ต่อ​มา​เป็น​คน​รับใช้​ข้าราชการ​ใน​เมือง​คา​ดู​นา ทาง​ภาค​เหนือ​ของ​ไนจีเรีย. ใน​เบนิน​ซิตี ทาง​ภาค​ตะวัน​ตก​ตอน​กลาง​ของ​ไนจีเรีย ผม​ทำ​หน้า​ที่​เป็น​เสมียน​ของ​นัก​กฎหมาย และ​ต่อ​มา​เป็น​กรรมกร​โรง​เลื่อย. จาก​นั้น​ผม​ได้​เดิน​ทาง​ไป​อยู่​กับ​น้า​ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​แคเมอรูน​ใน​ปี 1953 เขา​ช่วย​หา​งาน​ให้​ผม​ทำ​ใน​สวน​ยาง. ผม​ได้​เงิน​เดือน​ประมาณ​เก้า​ดอลลาร์​สหรัฐ (ประมาณ 360 บาท). ถึง​แม้​ผม​ได้​งาน​ต่ำต้อย​อย่าง​นั้น แต่​ตราบ​ใด​ที่​ผม​มี​พอ​กิน ผม​ก็​พอ​ใจ.

คน​ยาก​แค้น​ทำ​ให้​ผม​มั่งคั่ง

ซิลวานุส โอเคมิริ เพื่อน​ร่วม​งาน​ของ​ผม​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา. เขา​ใช้​ทุก​โอกาส​ให้​ความ​รู้​ด้าน​คัมภีร์​ไบเบิล​แก่​ผม​ขณะ​ที่​เรา​ตัด​หญ้า​สุม​ไว้​รอบ ๆ ต้น​ยาง. แต่​ตอน​นั้น​ผม​ไม่​ได้​ทำ​อะไร​มาก​ไป​กว่า​ฟัง​เขา​พูด. กระนั้น เมื่อ​น้า​ชาย​ของ​ผม​เห็น​ว่า​ผม​ติด​ต่อ​พยาน​ฯ เขา​พยายาม​ทำ​ทุก​อย่าง​เพื่อ​ให้​ผม​เลิก​คบ. เขา​เตือน​ผม​ว่า “เบ็นจิ นาย​อย่า​ไป​คบ​กับ​โอเคมิริ​เลย. เขา​เป็น​คน​เชื่อ​พระ​ยะโฮวา​และ​ยาก​แค้น. คน​ที่​คบหา​กับ​เขา​ก็​จะ​เป็น​อย่าง​เขา.”

ช่วง​ต้น​ปี 1954 ผม​ทน​สภาพ​การ​ทำ​งาน​ที่​หนัก​เกิน​ไป​ใน​บริษัท​นั้น​ไม่​ไหว ผม​จึง​กลับ​ไป​อยู่​บ้าน. สมัย​นั้น คริสตจักร​แองกลิกัน​ค่อนข้าง​เคร่งครัด​ใน​เรื่อง​มาตรฐาน​ทาง​ศีลธรรม. ผม​เติบโต​ขึ้น​มา​พร้อม​กับ​ความ​รู้สึก​รังเกียจ​การ​ผิด​ศีลธรรม. อย่าง​ไร​ก็​ตาม ไม่​นาน​ต่อ​มา ผม​เกลียด​การ​ประพฤติ​แบบ​หน้า​ซื่อ​ใจ​คด​ของ​พวก​ที่​เข้า​โบสถ์​เดียว​กับ​ผม. แม้​เขา​อ้าง​ว่า​ได้​ปฏิบัติ​ตาม​มาตรฐาน​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล ทว่า​รูป​แบบ​การ​ดำเนิน​ชีวิต​ของ​เขา​ไม่​ได้​เป็น​ตาม​คำ​อ้าง. (มัดธาย 15:8) ผม​เถียง​กับ​พ่อ​บ่อย​ครั้ง เป็น​เหตุ​ให้​ความ​สัมพันธ์​ของ​เรา​ร้าว​ฉาน. คืน​หนึ่ง ผม​ก็​ออก​จาก​บ้าน​ไป.

ผม​ย้าย​ไป​โอโมบา​ซึ่ง​เป็น​เมือง​เล็ก ๆ มี​ทาง​รถไฟ​ผ่าน. ที่​นั่น ผม​ได้​พบ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​อีก. ปริสซิลลา อี​ซี​โอชา ซึ่ง​ผม​เคย​รู้​จัก​ที่​หมู่​บ้าน ได้​มอบ​หนังสือ​เล่ม​เล็ก“ข่าว​ดี​เรื่อง​ราชอาณาจักร” และ​ภาย​หลัง​อาร์มาเก็ดดอนโลก​ใหม่​ของ​พระเจ้า ให้​ผม​อ่าน. * ผม​ตั้ง​อก​ตั้งใจ​อ่าน​หนังสือ​เหล่า​นี้​และ​เชื่อ​มั่น​ว่า​ผม​พบ​ความ​จริง​แล้ว. ที่​โบสถ์​เรา​ไม่​เคย​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล เรา​เพ่งเล็ง​แต่​ธรรมเนียม​ประเพณี​ของ​มนุษย์. แต่​สรรพหนังสือ​ของ​พยาน​ฯ มัก​จะ​อ้าง​ถึง​คัมภีร์​ไบเบิล​เสมอ.

ไม่​ถึง​หนึ่ง​เดือน​ต่อ​มา ผม​ถาม​บราเดอร์​อี​ซี​โอชา​กับ​ภรรยา​ว่า​เขา​ไป​โบสถ์​ของ​เขา​วัน​ไหน. ตอน​ที่​ผม​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ครั้ง​แรก ผม​ไม่​เข้าใจ​อะไร​เลย. บทความ​ใน​หอสังเกตการณ์ พูด​เรื่อง​การ​โจมตี​ของ “โกก​แห่ง​มา​โกก” ตาม​คำ​กล่าว​เชิง​พยากรณ์​ใน​พระ​ธรรม​ยะเอศเคล. (ยะเอศเคล 38:1, 2, ล.ม.) ผม​ไม่​คุ้น​คำ​ศัพท์​หลาย​คำ แต่​ผม​ประทับใจ​การ​ต้อนรับ​อย่าง​อบอุ่น​จน​ผม​ตั้งใจ​จะ​กลับ​ไป​อีก​ใน​วัน​อาทิตย์​ถัด​ไป. ใน​การ​ประชุม​ครั้ง​ที่​สอง ผม​ได้​ฟัง​เรื่อง​การ​ประกาศ​เผยแพร่. ดัง​นั้น ผม​จึง​ถาม​ปริสซิลลา​ว่า​พวก​เขา​ออก​ประกาศ​วัน​ไหน​บ้าง. วัน​อาทิตย์​ที่​สาม ผม​ไป​กับ​พวก​เขา ถือ​พระ​คัมภีร์​เล่ม​เล็ก​ไป​ด้วย. ผม​ไม่​มี​กระเป๋า​ประกาศ​หรือ​หนังสือ​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล​แม้​แต่​เล่ม​เดียว. กระนั้น​ก็​ดี ผม​ได้​มา​เป็น​ผู้​ประกาศ​ราชอาณาจักร​และ​ส่ง​รายงาน​การ​รับใช้​ตอน​สิ้น​เดือน!

ไม่​มี​คน​มา​นำ​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​ผม แต่​ครา​ใด​ที่​ผม​ไป​เยี่ยม​บราเดอร์​อี​ซี​โอชา​กับ​ภรรยา ผม​ได้​เรียน​ถ้อย​คำ​ที่​เสริม​ความ​เชื่อ​และ​การ​หนุน​ใจ​จาก​ข้อ​พระ​คัมภีร์​และ​ได้​หนังสือ​บาง​เล่ม​มา​อ่าน. วัน​ที่ 11 ธันวาคม 1954 ณ การ​ประชุม​ภาค​ที่​เมือง​อาบา ผม​แสดง​สัญลักษณ์​การ​อุทิศ​ตัว​แด่​พระ​ยะโฮวา​ด้วย​การ​รับ​บัพติสมา​ใน​น้ำ. ญาติ​ทาง​พ่อ​ซึ่ง​ผม​อาศัย​อยู่​ด้วย​และ​เรียน​ฝึก​งาน​จาก​เขา​ก็​ไม่​ยอม​ให้​อาหาร​ผม แถม​ไม่​ให้​ผม​ฝึก​งาน และ​ไม่​จ่าย​ค่า​จ้าง​แก่​ผม. แต่​ผม​ก็​ไม่​รู้สึก​ขุ่น​แค้น ผม​รู้สึก​ขอบคุณ​ที่​ได้​มี​สัมพันธภาพ​ส่วน​ตัว​กับ​พระเจ้า. นั่น​ทำ​ให้​ผม​อุ่น​ใจ​และ​มี​ใจ​สงบ. พวก​พยาน​ฯ ท้องถิ่น​ได้​ยื่น​มือ​ให้​ความ​ช่วยเหลือ. บราเดอร์​อี​ซี​โอชา​กับ​ภรรยา​จัด​หา​อาหาร​ให้​ผม และ​คน​อื่น​ให้​ผม​ยืม​เงิน​เป็น​ทุน​ค้า​ขายเล็ก ๆ น้อย ๆ. กลาง​ปี 1955 ผม​ซื้อ​จักรยาน​มือ​สอง และ​เดือน​มีนาคม 1956 ผม​เริ่ม​เป็น​ไพโอเนียร์​ประจำ. หลัง​จาก​นั้น​ไม่​นาน ผม​ก็​ใช้​หนี้​หมด. การ​ขาย​ของ​มี​กำไร​น้อย แต่​ผม​ยืน​ด้วย​ลำ​แข้ง​ตัว​เอง​ได้. สิ่ง​ที่​พระ​ยะโฮวา​จัด​เตรียม​ให้​ผม​ก็​เพียง​พอ​อยู่​แล้ว.

“ขโมย” น้อง ๆ ไป

ทันที​ที่​ผม​อยู่​ได้​ด้วย​ตัว​เอง สิ่ง​แรก​ที่​ผม​ห่วงใย​คือ​การ​ช่วย​น้อง ๆ ทาง​ด้าน​วิญญาณ. เนื่อง​จาก​พ่อ​มี​อคติ​และ​ระแวง​แคลง​ใจ​มาก ท่าน​จึง​ต่อ​ต้าน​ผม​ที่​เข้า​มา​เป็น​พยาน​ฯ. แล้ว​ผม​จะ​ช่วย​น้อง ๆ ให้​มา​รู้​จัก​ความ​จริง​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​ได้​อย่าง​ไร? ผม​เสนอ​จะ​ส่ง​เสีย​เอิร์นเนส​น้อง​ชาย ดัง​นั้น พ่อ​จึง​ยินยอม​ให้​น้อง​มา​อยู่​กับ​ผม. เอิร์นเนส​รับ​ความ​จริง​อย่าง​รวด​เร็ว​และ​รับ​บัพติสมา​ใน​ปี 1956. การ​เปลี่ยน​แปลง​ของ​เขา​ยิ่ง​ทำ​ให้​พ่อ​ทวี​การ​ต่อ​ต้าน​มาก​ขึ้น. กระนั้น​ก็​ดี น้อง​สาว​คน​หนึ่ง​ที่​แต่งงาน​แล้ว​ได้​รับ​เอา​ความ​จริง​พร้อม​กับ​สามี​ของ​เธอ. เมื่อ​ผม​เตรียม​การ​ให้​เฟลิเซีย น้อง​สาว​คน​ที่​สอง​ไป​พัก​อยู่​กับ​ผม​ช่วง​ปิด​เทอม พ่อ​อนุญาต​อย่าง​ไม่​สู้​เต็ม​ใจ. ใน​ไม่​ช้า เฟลิเซีย​ก็​เช่น​กัน​ได้​รับ​บัพติสมา​เข้า​มา​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา.

ปี 1959 ผม​ไป​บ้าน​เพื่อ​รับ​เบอร์นีซ​น้อง​สาว​คน​ที่​สาม​ให้​มา​อยู่​กับ​เอิร์นเนส. นั่น​เป็น​ตอน​ที่​พ่อ​ทำ​ร้าย​ผม กล่าวหา​ผม​ขโมย​ลูก​ของ​ท่าน​ไป. ท่าน​ไม่​เข้าใจ​ที่​ลูก ๆ ได้​ตัดสิน​ใจ​เอง​ที่​จะ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา. พ่อ​สาบาน​ว่า​จะ​ไม่​มี​วัน​ยอม​ให้​เบอร์นีซ​มา​กับ​ผม. แต่​พระ​หัตถ์​ของ​พระ​ยะโฮวา​ไม่​สั้น​เกิน​ไป เพราะ​ปี​ถัด​มา เบอร์นีซ​ได้​ใช้​เวลา​ช่วง​ปิด​เทอม​พัก​อยู่​กับ​เอิร์นเนส. เช่น​เดียว​กัน​กับ​พวก​พี่ ๆ เธอ​ยึด​เอา​ความ​จริง​และ​รับ​บัพติสมา.

“เรียน​รู้​เคล็ดลับ”

เดือน​กันยายน 1957 ผม​เริ่ม​ทำ​งาน​ฐานะ​ไพโอเนียร์​พิเศษ ใช้​เวลา​ทำ​งาน​ประกาศ​ประมาณ 150 ชั่วโมง​ทุก​เดือน. ผม​มี​ซันเดย์ อีรอเบลาคี​เป็น​เพื่อน​ร่วม​งาน และ​รับใช้​ใน​เขต​งาน​กว้าง​ไพศาล​ใน​อา​ค​ปู-นา-อา​บู​โอ เขต​ปกครอง​เอท​เช. ณ การ​ประชุม​หมวด​ครั้ง​แรก​ที่​เรา​เข้า​ร่วม​ขณะ​อยู่​ที่​นั่น มี 13 คน​จาก​กลุ่ม​ของ​เรา​ได้​รับ​บัพติสมา. ตอน​นี้ เรา​ตื่นเต้น​มาก​จริง ๆ ที่​เห็น 20 ประชาคม​กระจาย​อยู่​ทั่ว​พื้น​ที่​แถบ​นั้น!

ปี 1958 ผม​เริ่ม​รู้​จัก​คริสเตียนา อา​ซู​อี​เค ไพโอเนียร์​ประจำ​ที่​สมทบ​กับ​ประชาคม​อาบา อีสต์. ผม​นิยม​ชม​ชอบ​ความ​กระตือรือร้น​ของ​เธอ และ​เดือน​ธันวาคม​ปี​นั้น​เรา​แต่งงาน​กัน. พอ​ต้น​ปี 1959 ผม​ได้​รับ​การ​แต่ง​ตั้ง​เป็น​ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง​ทำ​การ​เยี่ยม​และ​ชู​กำลัง​พี่​น้อง​ฝ่าย​วิญญาณ​ใน​ประชาคม​ต่าง ๆ. นับ​แต่​นั้น​จน​กระทั่ง​ปี 1972 ผม​กับ​ภรรยา​ออก​เดิน​ทาง​เยี่ยม​แทบ​ทุก​ประชาคม​แห่ง​ประชาชน​ของ​พระ​ยะโฮวา​ใน​ภาค​ตะวัน​ออก​และ​ภาค​ตะวัน​ตก​ตอน​กลาง​ของ​ประเทศ​ไนจีเรีย.

ประชาคม​อยู่​ห่าง​ไกล​กัน และ​พาหนะ​หลัก​สำหรับ​การ​เดิน​ทาง​ของ​เรา​คือ​รถ​จักรยาน. เมื่อ​รับใช้​ประชาคม​ใน​เมือง​ใหญ่ พี่​น้อง​จะ​จ้าง​แท็กซี่​ส่ง​เรา​ต่อ​ไป​ยัง​อีก​ประชาคม​หนึ่ง. บาง​แห่ง พื้น​ห้อง​ที่​เรา​พัก​นั้น​เป็น​ดิน และ​ไม่​มี​เพดาน. เตียง​ที่​เรา​นอน​นั้น​ทำ​ด้วย​ต้น​ปาล์ม​ราฟเฟีย. บาง​เตียง​ก็​เอา​หญ้า​ปู​เป็น​ที่​นอน​แล้ว​ปู​เสื่อ​ทับ บาง​ที​ก็​ไม่​มี​เบาะ​รอง​นอน​เลย. ปริมาณ​และ​คุณภาพ​ของ​อาหาร​ไม่​เป็น​ปัญหา​สำหรับ​เรา. เนื่อง​จาก​ได้​เรียน​รู้​ใน​อดีต​ที่​จะ​พึง​พอ​ใจ​กับ​สิ่ง​จำเป็น​พอ​อยู่​รอด เรา​จึง​ยินดี​กับ​อาหาร​ไม่​ว่า​เขา​จะ​จัด​อะไร​ให้ และ​คน​ที่​ให้​การ​ต้อนรับ​ก็​ชอบ​ที่​เรา​มี​ทัศนะ​เช่น​นั้น. สมัย​นั้น​บาง​เมือง​ไม่​มี​ไฟฟ้า​ใช้ ดัง​นั้น​เรา​จึง​เอา​ตะเกียง​น้ำมัน​ก๊าด​ติด​ตัว​ไป​เสมอ. ถึง​แม้​สภาพการณ์​ยาก​ลำบาก แต่​เรา​มี​ช่วง​เวลา​ที่​น่า​ยินดี​มาก​มาย​ร่วม​กับ​ประชาคม​ต่าง ๆ.

ใน​ระหว่าง​ปี​เหล่า​นั้น เรา​ได้​ตระหนัก​ถึง​คุณค่า​คำ​ตักเตือน​ของ​อัครสาวก​เปาโล​ที่​ว่า “ถ้า​เรา​มี​เครื่อง​อุปโภค​บริโภค เรา​จะ​อิ่ม​ใจ​ด้วย​ของ​เหล่า​นี้.” (1 ติโมเธียว 6:8, ล.ม.) เพราะ​เคย​ผ่าน​ความ​ยาก​ลำบาก เปาโล​ได้​เรียน​รู้​เคล็ดลับ​ซึ่ง​ช่วย​ท่าน​อยู่​อย่าง​อิ่ม​ใจ​พอ​ใจ. นั่น​คือ​อะไร? ท่าน​อธิบาย​ว่า “แท้​จริง​ข้าพเจ้า​รู้​จัก​ที่​จะ​อยู่​อย่าง​อัตคัด แท้​จริง​ข้าพเจ้า​รู้​จัก​ที่​จะ​มี​อย่าง​บริบูรณ์. ใน​ทุก​สิ่ง​และ​ใน​ทุก​สภาพการณ์​ข้าพเจ้า​ได้​เรียน​รู้​เคล็ดลับ​ทั้ง​ที่​จะ​อิ่ม​และ​ที่​จะ​อด ทั้ง​ที่​จะ​มี​บริบูรณ์​และ​ที่​จะ​ขาด​แคลน.” เรา​เรียน​รู้​เคล็ดลับ​เดียว​กัน. เปาโล​กล่าว​ด้วย​ว่า “ข้าพเจ้า​มี​กำลัง​สำหรับ​ทุก​สิ่ง​โดย​พระองค์ [พระเจ้า] ผู้​ทรง​ประทาน​พลัง​ให้​ข้าพเจ้า.” (ฟิลิปปอย 4:12, 13, ล.ม.) ข้อ​นี้​เป็น​ความ​จริง​เพียง​ใด​ใน​กรณี​ของ​เรา! เรา​ประสบ​ซึ่ง​ความ​อิ่ม​ใจ, กิจกรรม​ฝ่าย​คริสเตียน​ที่​เสริม​สร้าง​เต็ม​ขนาด, และ​ความ​สงบ​ใจ.

รับใช้​ประชาคม​ต่าง ๆ ฐานะ​เป็น​ครอบครัว

ปลาย​ปี 1959 เรา​ได้​ลูก​ชาย​คน​แรก โจเอล และ​ปี 1962 เรา​ได้​ลูก​ชาย​คน​ที่​สอง แซมมูเอล. ผม​กับ​คริสเตียนา​ยัง​คง​เดิน​ทาง​เยี่ยม​ประชาคม​ต่าง ๆ และ​พ่วง​ลูก​สอง​คน​ไป​ด้วย. ปี 1967 ไนจีเรีย​เกิด​สงคราม​กลาง​เมือง. โรง​เรียน​ปิด​การ​เรียน​การ​สอน​เนื่อง​จาก​เครื่องบิน​ทิ้ง​ระเบิด​อย่าง​ไม่​ขาด​สาย. ภรรยา​ของ​ผม​เคย​เป็น​ครู​มา​ก่อน​ที่​จะ​ร่วม​เดิน​หมวด​กับ​ผม ดัง​นั้น ใน​ช่วง​สงคราม เธอ​จึง​สอน​หนังสือ​ลูก​ที่​บ้าน. พอ​แซมมูเอล​อายุ​หก​ขวบ​ก็​สามารถ​อ่าน​และ​เขียน​ได้. หลัง​สงคราม​สงบ เขา​เข้า​โรง​เรียน​ล้ำ​หน้า​เด็ก​รุ่น​เดียว​กัน​ไป​สอง​ปี.

ตอน​นั้น เรา​ไม่​ค่อย​ตระหนัก​ถึง​ความ​ยาก​ลำบาก​ใน​เรื่อง​การ​เลี้ยง​ลูก​ระหว่าง​ที่​เรา​เดิน​หมวด. อย่าง​ไร​ก็​ดี การ​ถูก​มอบหมาย​ให้​รับใช้​เป็น​ไพโอเนียร์​พิเศษ​ใน​ปี 1972 ปรากฏ​ว่า​เป็น​ประโยชน์​แก่​พวก​เรา. ทั้ง​นี้ การ​อยู่​เป็น​ที่​เป็น​ทาง​ช่วย​เรา​สามารถ​ให้​ความ​เอา​ใจ​ใส่​ฝ่าย​วิญญาณ​แก่​ครอบครัว​ได้​มาก​เท่า​ที่​ควร. ตั้ง​แต่​แรก เรา​สอน​ลูก​ชาย​ให้​รู้​คุณค่า​ความ​เลื่อมใส​พระเจ้า​ประกอบ​กับ​สันโดษ. ปี 1973 แซมมูเอล​รับ​บัพติสมา และ​ปี​เดียว​กัน​โจเอล​ก็​เริ่ม​เป็น​ไพโอเนียร์​ประจำ. ลูก​ชาย​สอง​คน​ของ​เรา​แต่งงาน​กับ​หญิง​คริสเตียน​ที่​เรียบร้อย​น่า​รัก และ​เวลา​นี้​ต่าง​ก็​เลี้ยง​ดู​ครอบครัว​ของ​ตัว​เอง​ให้​อยู่​ใน​ความ​จริง.

ความ​ทุกข์​ยาก​เนื่อง​จาก​สงคราม​กลาง​เมือง

ตอน​ที่​เกิด​สงคราม​กลาง​เมือง ผม​รับใช้​ใน​ประชาคม​หนึ่ง​ที่​เมือง​โอนีชา​ฐานะ​ผู้​ดู​แล​หมวด และ​มี​ครอบครัว​ของ​ผม​เดิน​ทาง​ไป​ด้วย. สงคราม​ครั้ง​นั้น​ยิ่ง​ฝัง​รอย​ประทับ​แก่​เรา​มาก​ขึ้น​ใน​เรื่อง​ความ​ไร้​ประโยชน์​ที่​จะ​สั่ง​สม​สิ่ง​ฝ่าย​วัตถุ​หรือ​ไว้​วางใจ​ใน​สิ่ง​เหล่า​นั้น. ผม​เห็น​ผู้​คน​วิ่ง​พล่าน​เอา​ชีวิต​รอด ละ​ทิ้ง​สมบัติ​อัน​มี​ค่า​ของ​เขา​เกลื่อน​ถนน.

ขณะ​สงคราม​ขยาย​วง​กว้าง บรรดา​ชาย​ฉกรรจ์​ถูก​เกณฑ์​เป็น​ทหาร. พี่​น้อง​ชาย​หลาย​คน​ที่​ปฏิเสธ​การ​เกณฑ์​ทหาร​ก็​ถูก​ทรมาน. พวก​เรา​ไม่​สามารถ​เดิน​ทาง​ไป​ไหน​มา​ไหน​ได้​อย่าง​เสรี. อาหาร​ขาด​แคลน​ทำ​ให้​เกิด​ความ​โกลาหล​วุ่นวาย​ใน​ประเทศ. ราคา​มัน​สำปะหลัง​พุ่ง​สูง​จาก​ปอนด์​ละ 7 เซนต์​เป็น 14 ดอลลาร์​สหรัฐ และ​เกลือ​หนึ่ง​ถ้วย​ขึ้น​ราคา​จาก 8 ดอลลาร์​เป็น 42 ดอลลาร์. นม, เนย, และ​น้ำตาล​ขาด​ตลาด. เพื่อ​จะ​รอด​ตาย เรา​ขูด​มะละกอ​ดิบ​แล้ว​เอา​มา​คลุก​กับ​แป้ง​มัน​สำปะหลัง​เล็ก​น้อย. นอก​จาก​นั้น เรา​กิน​ตั๊กแตน, เปลือก​หัว​มัน​สำปะหลัง, ใบ​ชบา, และ​ต้น​หญ้า​ลำ​ต้น​เป็น​ปล้อง​อวบ​คล้าย​อ้อย—ผัก​หญ้า​อะไร​ก็​ตาม​เท่า​ที่​เรา​จะ​หา​ได้. อาหาร​จำพวก​เนื้อ​มี​ราคา​แพง​และ​หา​ซื้อ​ไม่​ค่อย​ได้ ดัง​นั้น​ผม​จึง​จับ​กิ้งก่า​เอา​มา​ให้​เด็ก ๆ กิน. แต่​ไม่​ว่า​สถานการณ์​เลว​ร้าย​เพียง​ใด พระ​ยะโฮวา​ทรง​จัด​เตรียม​สิ่ง​จำเป็น​ให้​พวก​เรา​เสมอ.

อย่าง​ไร​ก็​ดี การ​ขาด​แคลน​ฝ่าย​วิญญาณ​เนื่อง​จาก​สงคราม​ยิ่ง​เป็น​อันตราย​มาก​กว่า. พี่​น้อง​ส่วน​ใหญ่​หนี​ภัย​สงคราม​เข้า​ป่า​หรือ​หนี​ไป​ยัง​หมู่​บ้าน​อื่น และ​ระหว่าง​ที่​หนี หนังสือ​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล​ของ​พวก​เขา​สูญ​หาย​ไป​แทบ​ทั้ง​หมด. นอก​จาก​นั้น กอง​ทหาร​ของ​รัฐ​ยัง​ได้​ปิด​กั้น​การ​คมนาคม​เป็น​เหตุ​ให้​สรรพหนังสือ​ใหม่ ๆ เกี่ยว​กับ​พระ​คัมภีร์​ไม่​อาจ​จะ​ผ่าน​เข้า​ใน​อาณา​เขต​สาธารณรัฐ​เบียฟรา​ได้. แม้​ประชาคม​ส่วนใหญ่​พยายาม​จัด​ให้​มี​การ​ประชุม แต่​สภาพ​ฝ่าย​วิญญาณ​ของ​พวก​พี่​น้อง​พลอย​ได้​รับ​ผล​กระทบ​เนื่อง​จาก​การ​ชี้​นำ​จาก​สำนักงาน​สาขา​ไป​ไม่​ถึง​พวก​เขา.

บากบั่น​เอา​ชนะ​ความ​อดอยาก​ฝ่าย​วิญญาณ

ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง​ทั้ง​หลาย​ทำ​สุด​กำลัง​ความ​สามารถ​เพื่อ​จัด​ให้​มี​การ​เยี่ยม​ทุก​ประชาคม​ต่อ​ไป. เนื่อง​จาก​พี่​น้อง​หลาย​คน​หนี​ไป​อยู่​นอก​เมือง ผม​จึง​สืบ​เสาะ​หา​เขา​ตาม​ที่​ต่าง ๆ เท่า​ที่​ทำ​ได้. คราว​หนึ่ง ผม​ละ​ภรรยา​กับ​ลูก ๆ ไว้​ใน​ที่​ปลอด​ภัย​และ​ตัว​เอง​เดิน​ทาง​นาน​ถึง​หก​สัปดาห์ แวะ​เยี่ยม​และ​เสาะ​หา​พวก​พี่​น้อง​ตาม​หมู่​บ้าน​ต่าง ๆ และ​ใน​ป่า​หลาย​แห่ง.

ขณะ​รับใช้​ประชาคม​หนึ่ง​ที่​ออกบุนคา ผม​ได้​ข่าว​ว่า​มี​พยาน​ฯ จำนวน​มาก​อยู่​ใน​เขต​อี​ซู​โอชี ท้อง​ที่​ออคิกเว. ดัง​นั้น​ผม​จึง​ส่ง​ข่าว​แจ้ง​พี่​น้อง​ใน​บริเวณ​นั้น​ให้​มา​รวม​ตัว​กัน​ที่​ไร่​มะม่วง​หิมพานต์ ณ หมู่​บ้าน​อูมูอาคู. แล้ว​ผม​กับ​บราเดอร์​สูง​อายุ​คน​หนึ่ง​ก็​ถีบ​จักรยาน​ระยะ​ทาง 15 กิโลเมตร​ไป​ที่​ไร่ ซึ่ง​มี​พยาน​ฯ ประมาณ 200 คน​รวม​ทั้ง​ผู้​หญิง​และ​เด็ก​อยู่​ที่​นั่น. ด้วย​ความ​ช่วยเหลือ​ของ​ไพโอเนียร์​หญิง​คน​หนึ่ง ผม​จึง​สามารถ​หา​พบ​พยาน​ฯ อีก​กลุ่ม​หนึ่ง​ประมาณ​ร้อย​คน​ซึ่ง​ได้​มา​หลบ​ภัย​อยู่​ใน​ป่า​โลมารา.

ลอว์เรนซ์ อุกวูเอกบู​เป็น​หนึ่ง​ใน​กลุ่ม​พี่​น้อง​ผู้​กล้า​หาญ​ที่​อาศัย​อยู่​ใน​เมือง​โอเวอร์รี​ซึ่ง​เสียหาย​ยับเยิน​จาก​สงคราม. เขา​บอก​ว่า​มี​พยาน​ฯ จำนวน​มาก​ใน​พื้น​ที่​โอฮาจิ. พวก​เขา​ไม่​สามารถ​จะ​ไป​ที่​ไหน ๆ ได้​อย่าง​สะดวก เพราะ​ทหาร​เข้า​ยึด​ครอง​พื้น​ที่​นั้น. เรา​สอง​คน​จึง​ขี่​จักรยาน​ฝ่า​ความ​มืด​ไป​พบ​พวก​พี่​น้อง​ประมาณ 120 คน​ที่​ลาน​บ้าน​ของ​บราเดอร์​คน​หนึ่ง. เรา​ใช้​โอกาส​นั้น​เยี่ยม​พี่​น้อง​คน​อื่น ๆ ตาม​ที่​หลบ​ซ่อน​ของ​เขา​อีก​ด้วย.

บราเดอร์​ไอแซ็ก วากวู​ยอม​เสี่ยง​ชีวิต​ช่วย​ผม​ให้​ได้​พบ​ปะ​พี่​น้อง​คน​อื่น ๆ ที่​ได้​หนี​ไป. เขา​พา​ผม​ลง​เรือ​แคนู​ข้าม​แม่น้ำ​โอ​ทา​มิ​ริ​ไป​พบ​เหล่า​พยาน​ฯ 150 กว่า​คน​ที่​ร่วม​ชุมนุม​กัน​อยู่​ที่​หมู่​บ้าน​เอก​บู-เอตเช. บราเดอร์​คน​หนึ่ง​ที่​นั่น​ร้อง​ขึ้น​ว่า “วัน​นี้​เป็น​วัน​ดี​ที่​สุด​ใน​ชีวิต​ของ​ผม! ผม​ไม่​คิด​ว่า​จะ​ได้​เห็น​หน้า​ผู้​ดู​แล​หมวด​อีก. ถึง​ผม​จะ​ตาย​ขณะ​สงคราม​ยัง​ลุก​เป็น​ไฟ​เช่น​นี้ ผม​ก็​พอ​ใจ​แล้ว.”

ผม​เสี่ยง​ต่อ​การ​ถูก​เกณฑ์​ทหาร แต่​ผม​รู้สึก​ได้​ถึง​การ​พิทักษ์​คุ้มครอง​ของ​พระ​ยะโฮวา​ครั้ง​แล้ว​ครั้ง​เล่า. บ่าย​วัน​หนึ่ง ขณะ​ที่​ผม​เดิน​ทาง​กลับ​ที่​พัก​ภาย​หลัง​ประชุม​กับ​พี่​น้อง​ประมาณ 250 คน ทหาร​คอมมานโด​กลุ่ม​หนึ่ง​เรียก​ผม​ให้​หยุด​ตรง​ด่าน​สกัด​ที่​ถนน​และ​ถาม​ว่า “ทำไม​คุณ​ไม่​เป็น​ทหาร?” ผม​ได้​ชี้​แจง​ว่า​ผม​เป็น​นัก​สอน​ศาสนา​ประกาศ​เรื่อง​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า. ผม​รู้​ว่า​พวก​เขา​ตั้งใจ​จับ​กุม​ผม. ผม​อธิษฐาน​ใน​ใจ​สั้น ๆ และ​ได้​ขอร้อง​ผู้​บังคับ​การ​ว่า “กรุณา​ปล่อย​ผม​ไป​เถอะ.” น่า​ประหลาด​ใจ เขา​พูด​ว่า “คุณ​บอก​ให้​พวก​เรา​ปล่อย​คุณ​ไป​อย่าง​นั้น​หรือ?” ผม​ตอบ “ใช่​ครับ ปล่อย​ผม​เถอะ.” เขา​บอก​ว่า “ไป​ได้.” ไม่​มี​ทหาร​สัก​คน​ใน​กลุ่ม​นั้น​ปริปาก.—บทเพลง​สรรเสริญ 65:1, 2.

ความ​อิ่ม​ใจ​นำ​มา​ซึ่ง​พระ​พร​อื่น ๆ อีก

หลัง​สงคราม​ยุติ​ใน​ปี 1970 ผม​ยัง​คง​รับใช้​ต่อ​ไป​ใน​งาน​หมวด. ผม​ถือ​เป็น​สิทธิ​พิเศษ​ที่​ได้​ช่วย​จัด​ระเบียบ​ประชาคม​ต่าง ๆ ใหม่. ครั้น​แล้ว ผม​กับ​คริสเตียนา​ทำ​งาน​ฐานะ​ไพโอเนียร์​พิเศษ​กระทั่ง​ถึง​ปี 1976 เมื่อ​ผม​ได้​รับ​แต่ง​ตั้ง​ให้​เป็น​ผู้​ดูแล​เดิน​ทาง​อีก​ครั้ง​หนึ่ง. พอ​ย่าง​เข้า​กลาง​ปี ผม​ถูก​มอบหมาย​งาน​ภาค. เจ็ด​ปี​ต่อ​มา ผม​กับ​ภรรยา​ได้​รับ​เชิญ​เข้า​ไป​ทำ​งาน​ใน​สำนักงาน​สาขา​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ที่​ประเทศ​ไนจีเรีย ซึ่ง​เป็น​บ้าน​ของ​เรา​ใน​ปัจจุบัน. ที่​สาขา​แห่ง​นี้​เป็น​แหล่ง​ที่​ยัง​ความ​ชื่นชม​แก่​เรา​เสมอ​เมื่อ​พบ​เห็น​พี่​น้อง​ชาย​หญิง​ซึ่ง​เรา​ได้​พบ​ใน​ช่วง​สงคราม​กลาง​เมือง และ ณ โอกาส​อื่น ๆ อีก และ​พวก​เขา​ยัง​คง​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​ด้วย​ความ​ซื่อ​สัตย์.

ตลอด​เวลา​หลาย​ปี คริสเตียนา​เป็น​เพื่อน​ที่​ซื่อ​สัตย์​ภักดี​และ​ให้​การ​สนับสนุน​ผม​อย่าง​วิเศษ. เธอ​เป็น​คน​มอง​โลก​ใน​แง่​ดี​และ​มี​จิตใจ​แน่วแน่ ถึง​แม้น​มี​ปัญหา​ด้าน​สุขภาพ​ยืดเยื้อ ซึ่ง​เธอ​ได้​อด​ทน​มา​ตั้ง​แต่​ปี 1978 ก็​ตาม แต่​เธอ​ก็​สนับสนุน​ผม​ใน​การ​ปฏิบัติ​หน้า​ที่​รับผิดชอบ​ให้​ลุ​ล่วง​ไป​ได้. เรา​ได้​ประสบ​ความ​สัตย์​จริง​แห่ง​ถ้อย​คำ​ของ​ผู้​ประพันธ์​เพลง​สรรเสริญ​แล้ว​ที่​ว่า “พระ​ยะโฮวา​พระองค์​เอง​จะ​ทรง​ค้ำจุน​เขา​ใน​ยาม​ที่​นอน​ป่วย​อยู่.”—บทเพลง​สรรเสริญ 41:3, ล.ม.

เมื่อ​มอง​ย้อน​หลัง​ไป​หลาย​ปี​ใน​กิจกรรม​ตาม​ระบอบ​ของ​พระเจ้า ผม​ขอบคุณ​พระ​ยะโฮวา​อย่าง​แท้​จริง​ที่​ได้​รับ​พระ​พร​อัน​ดี​วิเศษ​จาก​พระองค์. การ​อิ่ม​ใจ​กับ​สิ่ง​ที่​พระองค์​จัด​เตรียม​ให้​เรา​ทำ​ให้​ผม​สามารถ​พูด​จาก​ใจ​จริง​ว่า​ผม​ประสบ​ความ​สุข​เป็น​อัน​มาก. ความ​ยินดี​ที่​เห็น​พวก​น้อง ๆ อีก​ทั้ง​ลูก​ชาย​ของ​ผม​และ​ครอบครัว​ของ​เขา​ทั้ง​หมด​กำลัง​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​พร้อม​กับ​ผม​และ​ภรรยา​เป็น​ความ​สุข​อย่าง​หา​ที่​เปรียบ​ไม่​ได้. พระ​ยะโฮวา​ทรง​โปรด​ให้​ผม​มี​ชีวิต​ที่​บริบูรณ์​และ​เปี่ยม​ความหมาย. ผม​ได้​ทุก​อย่าง​สม​ดัง​ใจ​ปรารถนา ไม่​ขาด​สัก​สิ่ง​เดียว.

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 10 จัด​พิมพ์​โดย​พยาน​พระ​ยะโฮวา. เดี๋ยว​นี้​งด​พิมพ์​แล้ว.

[กรอบ​หน้า 27]

การ​จัด​เตรียม​เหมาะ​กับ​เวลา​ช่วย​ค้ำจุน​ภราดรภาพ

ช่วง​กลาง​ทศวรรษ 1960 การ​เป็น​ปฏิปักษ์​กัน​ระหว่าง​กลุ่ม​ชาติ​พันธุ์​ทาง​ภาค​เหนือ​และ​ภาค​ตะวัน​ออก​ของ​ไนจีเรีย​ก่อ​ความ​ยุ่งเหยิง, จลาจล, ภาวะ​บ้าน​เมือง​ไม่​มี​ขื่อ​มี​แป, และ​ความ​รุนแรง​ระหว่าง​ชาติ​พันธุ์. สถานการณ์​ดัง​กล่าว​มี​ผล​กระทบ​รุนแรง​ต่อ​พยาน​พระ​ยะโฮวา ผู้​ซึ่ง​มุ่ง​มั่น​จะ​รักษา​ความ​เป็น​กลาง​อย่าง​จริงจัง​เมื่อ​เกิด​การ​ขัด​แย้ง. พยาน​ฯ ประมาณ 20 คน​ถูก​ฆ่า. พยาน​ฯ ส่วน​ใหญ่​สูญ​เสีย​สมบัติ​ข้าวของ​ทุก​อย่าง.

วัน​ที่ 30 พฤษภาคม 1967 รัฐ​ต่าง ๆ ทาง​ภาค​ตะวัน​ออก​ของ​ไนจีเรีย​แยก​ตัว​จาก​สหพันธ์​แล้ว​ก่อ​ตั้ง​เป็น​สาธารณรัฐ​เบียฟรา. กองทัพ​สหพันธรัฐ​เร่ง​ระดม​พล และ​ทำ​การ​ปิด​กั้น​พรม​แดน​ทุก​ด้าน​ที่​ติด​กับ​รัฐ​ตะวัน​ออก. สิ่ง​ที่​ตาม​มา​คือ​สงคราม​กลาง​เมือง​ที่​เต็ม​ไป​ด้วย​การ​นอง​เลือด​และ​ความ​รุนแรง.

ความ​เป็น​กลาง​ของ​เหล่า​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​พื้น​ที่​ภาย​ใน​เขต​การ​ปกครอง​ของ​เบียฟรา​ทำ​ให้​พวก​เขา​ตก​เป็น​เป้า​ของ​การ​โจมตี. หนังสือ​พิมพ์​วิจารณ์​อย่าง​เผ็ด​ร้อน ยุยง​ส่ง​เสริม​ความ​คิด​เห็น​ของ​ประชาชน​ให้​ต่อ​ต้าน​พยาน​ฯ. อย่าง​ไร​ก็​ตาม พระ​ยะโฮวา​ทรง​ดู​แล​ผู้​รับใช้​ของ​พระองค์​เพื่อ​ให้​พวก​เขา​ได้​รับ​อาหาร​ฝ่าย​วิญญาณ. โดย​วิธี​ใด?

ช่วง​ต้น​ปี 1968 ข้าราชการ​คน​หนึ่ง​ได้​รับ​ตำแหน่ง​ไป​ทำ​งาน​ใน​ยุโรป และ​อีก​คน​หนึ่ง​ได้​รับ​หน้า​ที่​ดู​แล​ลาน​บิน​ที่​เบียฟรา. ทั้ง​สอง​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา. งาน​มอบหมาย​ของ​เขา​ทำ​ให้​เขา​อยู่​สุด​ปลาย​ทาง​คน​ละ​ด้าน​ของ​เส้น​ทาง​เดียว​ที่​เชื่อม​ระหว่าง​เบียฟรา​กับ​โลก​ภาย​นอก. พยาน​ฯ ทั้ง​สอง​คน​นี้​อาสา​ทำ​งาน​เสี่ยง​อันตราย​ใน​การ​นำ​อาหาร​ฝ่าย​วิญญาณ​เข้า​ไป​ใน​เบียฟรา. ทั้ง​สอง​ยัง​ได้​ช่วย​สงเคราะห์​พี่​น้อง​ที่​ทุกข์​ยาก​ด้วย​การ​จัด​หา​ปัจจัย​บรรเทา​ทุกข์​ให้. พี่​น้อง​สอง​คน​นี้​สามารถ​ดำเนิน​งาน​ที่​สำคัญ​เช่น​นี้​ตลอด​ช่วง​เวลา​สงคราม ซึ่ง​สิ้น​สุด​ใน​ปี 1970. คน​หนึ่ง​ใน​สอง​คน​นี้​กล่าว​ภาย​หลัง​ว่า “การ​จัด​เตรียม​เช่น​นี้​เป็น​กลวิธี​ที่​แยบคาย​เกิน​ความ​สามารถ​ของ​มนุษย์​จะ​วาง​แผน.”

[ภาพ​หน้า 23]

ใน​ปี 1956

[ภาพ​หน้า 25]

ใน​ปี 1965 กับ​โจเอล​และ​แซมมูเอล​ลูก​ชาย​ของ​เรา

[ภาพ​หน้า 26]

ช่าง​เป็น​พระ​พร​เสีย​นี่​กระไร​ที่​ได้​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​ร่วม​กัน​เป็น​ครอบครัว!

[ภาพ​หน้า 27]

ปัจจุบัน ผม​กับ​คริสเตียนา​รับใช้​ใน​สำนักงาน​สาขา​ไนจีเรีย