ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

วิทยาศาสตร์และคัมภีร์ไบเบิลช่วยผมพบจุดมุ่งหมายของชีวิต

วิทยาศาสตร์และคัมภีร์ไบเบิลช่วยผมพบจุดมุ่งหมายของชีวิต

วิทยาศาสตร์​และ​คัมภีร์​ไบเบิล​ช่วย​ผม​พบ​จุด​มุ่ง​หมาย​ของ​ชีวิต

เล่า​โดย​เบิร์นท์ เอิลชแลเกอล์

ผม​ใช้​เวลา​ถึง 20 ปี​เพื่อ​ค้น​หา​จุด​มุ่ง​หมาย​ของ​ชีวิต. สิ่ง​ที่​ช่วย​ให้​ผม​พบ​จุด​มุ่ง​หมาย​ของ​ชีวิต​มี​สอง​อย่าง​คือ วิทยาศาสตร์​และ​คัมภีร์​ไบเบิล. การ​เรียน​วิทยาศาสตร์​ทำ​ให้​ผม​แน่​ใจ​ว่า​ชีวิต​ต้อง​มี​จุด​มุ่ง​หมาย. แต่​คัมภีร์​ไบเบิล​ช่วย​ให้​ผม​รู้​ว่า​จุด​มุ่ง​หมาย​นั้น​คือ​อะไร​และ​ช่วย​ผม​เข้าใจ​เรื่อง​นี้.

คุณ​อาจ​เคย​ได้​ยิน​บาง​คน​อ้าง​ว่า วิทยาศาสตร์​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล​ขัด​แย้ง​กัน. ผม​มี​โอกาส​ศึกษา​ทั้ง​สอง​อย่าง และ​ผม​ไม่​เห็น​ด้วย​กับ​คำ​กล่าว​อ้าง​ของ​พวก​เขา. บาง​ที​คุณ​อาจ​จะ​อยาก​รู้​ว่า​เพราะ​เหตุ​ใด.

ผม​เกิด​ใน​ปี 1962 ที่​เมือง​สตุตการ์ต ทาง​ใต้​ของ​เยอรมนี. พ่อ​ของ​ผม​ทำ​งาน​เป็น​ผู้​ออก​แบบ​เครื่องจักร พ่อ​และ​แม่​ชอบ​เข้า​ร่วม​กิจกรรม​ต่าง ๆ ของ​โบสถ์. คาริน พี่​สาว​ของ​ผม​อายุ​แก่​กว่า​ผม​สี่​ปี. เหตุ​การณ์​สำคัญ​อัน​น่า​ตื่นเต้น​ใน​วัย​เด็ก​ของ​ผม​คือ​ตอน​ที่​คุณ​พ่อ​ให้​ของ​เล่น​ซึ่ง​เป็น​อุปกรณ์​สำหรับ​การ​ทดลอง​ทาง​วิทยาศาสตร์. ผม​สนุก​มาก​ที่​ได้​ฝึก​ทำ​การ​ทดลอง​แบบ​ง่าย ๆ ทั้ง​ทาง​เคมี​และ​ฟิสิกส์. ใช่​แล้ว การ​เรียน​รู้​เป็น​สิ่ง​ที่​ผม​ชอบ​จริง ๆ.

ต่อ​มา​ผม​ก็​เปลี่ยน​จาก​การ​เล่น​อุปกรณ์​ดัง​กล่าว​แล้ว​หัน​มา​สนใจ​คอมพิวเตอร์. แม้​ตอน​ที่​เป็น​วัยรุ่น ผม​ก็​เห็น​แล้ว​ว่า​สมอง​คือ​คอมพิวเตอร์​ที่​ยอด​เยี่ยม​ที่​สุด. แต่​ผม​สงสัย​ว่า ‘สมอง​มา​จาก​ไหน? ใคร​สร้าง​สมอง​ให้​เรา? และ​จุด​มุ่ง​หมาย​ของ​ชีวิต​คือ​อะไร?’

มุ่ง​สู่​การ​ศึกษา​ใน​ระดับ​สูง

ผม​ออก​จาก​โรง​เรียน​เมื่อ​อายุ 16 ปี​และ​เริ่ม​ฝึก​งาน​เป็น​ผู้​ช่วย​ใน​ร้าน​อัด​รูป. เนื่อง​จาก​การ​เรียน​เป็น​สิ่ง​ที่​ผม​ชอบ​ที่​สุด ผม​จึง​ตั้ง​เป้า​ที่​จะ​เรียน​ด้าน​ฟิสิกส์​ที่​มหาวิทยาลัย. แต่​ยัง​ต้อง​รอ​อีก​นาน​กว่า​จะ​ได้​เรียน​ใน​มหาวิทยาลัย. ผม​ต้อง​ใช้​เวลา​ถึง​ห้า​ปี​เพื่อ​จะ​มี​คุณสมบัติ​ที่​จะ​เข้า​เรียน​ใน​มหาวิทยาลัย​ได้. ผม​เริ่ม​เรียน​ที่​มหาวิทยาลัย​ใน​เมือง​สตุตการ์ต​ปี 1983 และ​ไป​เรียน​ต่อ​ที่​มิวนิก. ใน​ที่​สุด ผม​ก็​จบ​ปริญญา​เอก​ทาง​ด้าน​ฟิสิกส์​ที่​มหาวิทยาลัย​เอากส์บูร์ก​ใน​ปี 1993.

ช่วง​แรก ๆ ที่​เรียน​ใน​มหาวิทยาลัย​ไม่​ใช่​เรื่อง​ง่าย. ตาม​ปกติ​แล้ว ห้อง​สำหรับ​ฟัง​บรรยาย​จุ​นัก​ศึกษา​ได้​ประมาณ 250 คน แต่​หลาย​คน​เลิก​เรียน​ภาย​ใน​เวลา​ไม่​กี่​เดือน. ผม​ตั้งใจ​ว่า​จะ​ไม่​เลิก​เรียน แต่​จะ​ทำ​ให้​สำเร็จ. เนื่อง​จาก​ต้อง​อยู่​ใน​หอ​พัก​นัก​ศึกษา ผม​จึง​คบ​หลาย​คน​ที่​ดู​เหมือน​ว่า​ชอบ​สนุก​ไป​วัน ๆ. การ​คบ​คน​แบบ​นั้น​ไม่​มี​ประโยชน์​อะไร​เลย. ผล​ที่​เกิด​ขึ้น​คือ ผม​เข้า​ไป​มั่วสุม​ใน​งาน​เลี้ยง​สังสรรค์​และ​ใช้​ยา​เสพ​ติด.

การ​แสวง​หา​นำ​ผม​ไป​อินเดีย

การ​ศึกษา​วิชา​ฟิสิกส์​ทำ​ให้​ผม​มี​ความ​เข้าใจ​อย่าง​ลึกซึ้ง​เรื่อง​กฎ​ธรรมชาติ​ใน​เอกภพ. ผม​เคย​หวัง​ว่า​ใน​ที่​สุด​วิทยาศาสตร์​จะ​เผย​ให้​ทราบ​ว่า​จุด​มุ่ง​หมาย​ของ​ชีวิต​คือ​อะไร. แต่​แล้ว วิชา​ฟิสิกส์​ไม่​สามารถ​อธิบาย​จุด​มุ่ง​หมาย​ของ​ชีวิต​ได้. ใน​ปี 1991 ผม​เดิน​ทาง​ไป​อินเดีย​กับ​คน​กลุ่ม​หนึ่ง​เพื่อ​เรียน​รู้​วิธี​นั่ง​สมาธิ​แบบ​ชาว​ตะวัน​ออก. ช่าง​เป็น​ประสบการณ์​ที่​น่า​ตื่นเต้น​จริง ๆ ที่​ได้​เห็น​ประเทศ​อินเดีย​และ​ชาว​อินเดีย​ด้วย​ตา​ตัว​เอง! แต่​ผม​ก็​รู้สึก​ตกใจ​ที่​ได้​เห็น​ว่า​คน​รวย​กับ​คน​จน​ช่าง​แตกต่าง​กัน​มาก​เหลือ​เกิน.

ตัว​อย่าง​เช่น เรา​ไป​หา​คุรุ​คน​หนึ่ง​ที่​อยู่​ใกล้​กับ​เมือง​ปู​นา เขา​อ้าง​ว่า​สามารถ​ถ่ายทอด​เทคนิค​การ​นั่ง​สมาธิ​ที่​ถูก​ต้อง​ซึ่ง​จะ​ช่วย​ให้​ร่ำรวย​ขึ้น. เรา​รวม​กลุ่ม​กัน​ทุก​เช้า​เพื่อ​นั่ง​สมาธิ. คุรุ​ยัง​ขาย​ยา​ใน​ราคา​ที่​แพง​อีก​ด้วย. เห็น​ได้​ชัด​เลย​ว่า​เขา​หา​เงิน​ได้​มาก และ​ใช้​ชีวิต​อย่าง​หรูหรา. นอก​จาก​นั้น เรา​เห็น​นัก​บวช​อยู่​อย่าง​ยาก​จน​ข้นแค้น ซึ่ง​ต่าง​กับ​คุรุ​คน​นั้น​อย่าง​ลิบลับ. ผม​สงสัย​ว่า ‘ทำไม​การ​นั่ง​สมาธิ​ไม่​ได้​ทำ​ให้​นัก​บวช​รวย​ขึ้น?’ ดู​เหมือน​ว่า การ​เดิน​ทาง​ไป​อินเดีย​ทำ​ให้​เกิด​คำ​ถาม​มาก​มาย​ที่​ผม​ต้อง​หา​คำ​ตอบ.

ของ​ที่​ระลึก​ชิ้น​หนึ่ง​ซึ่ง​ผม​นำ​กลับ​มา​จาก​อินเดีย​คือ​ระฆัง​สมาธิ. มี​คน​บอก​ผม​ว่า เมื่อ​เคาะ​อย่าง​ถูก​ต้อง ระฆัง​จะ​มี​เสียง​กังวาน​ใส​ซึ่ง​จะ​ช่วย​ให้​ผม​นั่ง​สมาธิ​ได้​อย่าง​ถูก​ต้อง. เมื่อ​กลับ​ไป​เยอรมนี ผม​ซื้อ​ตาราง​ทำนาย​ดวง​ชะตา​ราศี​ซึ่ง​คน​ที่​ทำ​ขึ้น​อ้าง​ว่า​ตาราง​นี้​จะ​ทำ​ให้​ผม​รู้​อนาคต​ของ​ตัว​เอง​ได้. แต่​การ​นั่ง​สมาธิ​ก็​ไม่​ช่วย​ให้​ผม​รู้​อะไร​เกี่ยว​กับ​ชีวิต. ผม​พบ​ว่า​ตาราง​ทำนาย​ดวง​ชะตา​เป็น​แค่​แผ่น​กระดาษ​ไร้​ค่า​แผ่น​หนึ่ง​ซึ่ง​ทำ​ให้​ผม​รู้สึก​ผิด​หวัง. ดัง​นั้น คำ​ถาม​ของ​ผม​เกี่ยว​กับ​จุด​มุ่ง​หมาย​ของ​ชีวิต​ยัง​คง​มี​อยู่.

ผม​พบ​คำ​ตอบ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล

พอ​ถึง​ปี 1993 ชีวิต​ของ​ผม​ก็​เปลี่ยน​ไป​อย่าง​ที่​คาด​ไม่​ถึง. ผม​ทำ​การ​ศึกษา​ค้นคว้า​และ​ทำ​งาน​วิจัย​เสร็จ​แล้ว และ​กำลัง​เขียน​วิทยา​นิพนธ์​ด้าน​ฟิสิกส์​ควอนตัม​เพื่อ​ทำ​ปริญญา​เอก. ผม​ต้อง​ทำ​งาน​เกือบ​ทั้ง​วัน​ทั้ง​คืน​เพื่อ​ให้​เสร็จ​ตาม​กำหนด ผม​จึง​ไม่​สนใจ​สิ่ง​อื่น​เลย. แต่​แล้ว​ใน​บ่าย​วัน​หนึ่ง มี​คน​มา​เคาะ​ประตู. เมื่อ​เปิด​ประตู​ก็​พบ​ว่า​มี​ผู้​หญิง​สอง​คน​ยืน​อยู่​ที่​นั่น.

พวก​เธอ​ถาม​ว่า “คุณ​รู้​ไหม​ว่า​ปี 1914 เป็น​ปี​ที่​พิเศษ​มาก​ตาม​ที่​คัมภีร์​ไบเบิล​กล่าว​ไว้?” คำ​ถาม​นี้​ทำ​ให้​ผม​แปลก​ใจ​มาก. ผม​ไม่​เคย​ได้​ยิน​เรื่อง​นี้​มา​ก่อน​เลย ทั้ง​ไม่​มี​เวลา​จะ​คิด​เรื่อง​นี้​ด้วย. กระนั้น คำ​ถาม​นี้​ก็​เร้า​ความ​สนใจ​ของ​ผม. พวก​เขา​อ้าง​ได้​อย่าง​ไร​ว่า คัมภีร์​ไบเบิล​บอก​มา​นาน​แล้ว​ว่า​ปี 1914 เป็น​ปี​พิเศษ?

พวก​เธอ​ถาม​ต่อ​ว่า “คุณ​อยาก​รู้​เรื่อง​นี้​มาก​ขึ้น​ไหม?” ผม​คิด​ว่า ‘แน่นอน ถ้า​ผม​ฟัง​เรื่อง​ที่​พวก​เธอ​พูด ผม​จะ​สามารถ​หา​ข้อ​ขัด​แย้ง​ใน​คำ​อธิบาย​ของ​พวก​เธอ​ได้.’ แทน​ที่​จะ​พบ​ข้อ​ขัด​แย้ง ผม​กลับ​พบ​ข้อ​พิสูจน์​แน่ชัด​เกี่ยว​กับ​ความ​น่า​เชื่อถือ​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล. ผม​เรียน​รู้​ว่า​คำ​พยากรณ์​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​บ่ง​ชี้​อย่าง​ชัดเจน​ว่า ราชอาณาจักร​มาซีฮา​ของ​พระเจ้า รัฐบาล​ฝ่าย​สวรรค์​ซึ่ง​ใน​ที่​สุด​จะ​มา​ปกครอง​แผ่นดิน​โลก​นั้น ได้​รับ​การ​สถาปนา​ขึ้น​แล้ว​ใน​ปี 1914. *

ผู้​หญิง​สอง​คน​นั้น​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา และ​พวก​เธอ​ให้​หนังสือ​ผม​เล่ม​หนึ่ง​ซึ่ง​มี​ชื่อ​ว่า​ท่าน​จะ​มี​ชีวิต​อยู่​ได้​ตลอด​ไป​ใน​อุทยาน​บน​แผ่นดิน​โลก. * ผม​อ่าน​จบ​ภาย​ใน​ไม่​กี่​วัน​และ​พบ​ว่า​ทุก​เรื่อง​ล้วน​เป็น​ความ​จริง​และ​มี​เหตุ​ผล. พยาน​ฯ ชี้​ให้​ผม​ดู​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ว่า พระ​ประสงค์​ของ​พระ​ยะโฮวา​คือ ให้​มนุษยชาติ​มี​ชีวิต​อยู่​ตลอด​ไป​ใน​อุทยาน​บน​แผ่นดิน​โลก. ตาม​คำ​พยากรณ์​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล คำ​สัญญา​นี้​จะ​เป็น​จริง​ใน​ไม่​ช้า. ช่าง​เป็น​ความ​หวัง​ที่​ยอด​เยี่ยม​จริง ๆ สำหรับ​อนาคต! ความ​หวัง​นี้​ประทับใจ​ผม​มาก​จน​ถึง​กับ​ทำ​ให้​ผม​น้ำตา​ไหล. นี่​จะ​เป็น​สิ่ง​ที่​ผม​ค้น​หา​มา​ตลอด 20 ปี​ไหม?

ผม​ยอม​รับ​ทันที​ว่า​จุด​มุ่ง​หมาย​ใน​ชีวิต​ของ​ผม​คือ การ​เรียน​รู้​จัก​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​และ​การ​รับใช้​พระองค์​สุด​หัวใจ. ผม​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล​กับ​พยาน​ฯ ต่อ​ไป โดย​สำนึก​ว่า​สิ่ง​ที่​ผม​กำลัง​เรียน​รู้​คือ​ความ​จริง. ผม​กระหาย​อย่าง​ยิ่ง​ที่​จะ​เรียน​รู้​เกี่ยว​กับ​พระเจ้า. ขณะ​ที่​เขียน​วิทยา​นิพนธ์​ปริญญา​เอก​จน​แล้ว​เสร็จ ผม​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล​ได้​ครึ่ง​เล่ม​ภาย​ใน​เวลา​สาม​เดือน.

พบ​มาก​กว่า​คำ​ตอบ

เดือน​พฤษภาคม 1993 ผม​เข้า​ร่วม​ประชุม​ครั้ง​แรก​ใน​ประชาคม​ท้องถิ่น​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ที่​หอ​ประชุม​ราชอาณาจักร​เมือง​เอากส์บูร์ก. คำ​สอน​ที่​ผม​ได้​ยิน​เป็น​ความ​จริง. ยิ่ง​กว่า​นั้น ผม​รู้สึก​สบาย​ใจ​ที่​ได้​อยู่​กับ​พยาน​ฯ. พวก​เขา​ต้อนรับ​ผม​อย่าง​อบอุ่น​และ​ทำ​ให้​รู้สึก​ว่า​ได้​รับ​การ​ต้อนรับ​แม้​ว่า​ผม​เป็น​คน​แปลก​หน้า. ผู้​หญิง​สูง​อายุ​คน​หนึ่ง​ที่​นั่ง​ใกล้ ๆ ผม​พยายาม​จะ​หา​หนังสือ​เพลง​มา​ให้​ผม. ใน​สัปดาห์​ต่อ ๆ มา พยาน​ฯ คน​หนึ่ง​และ​ลูก​ชาย​เล็ก ๆ ของ​เขา​ให้​ผม​นั่ง​รถ​ไป​หอ​ประชุม​ด้วย. ไม่​นาน เพื่อน​ใหม่​เหล่า​นี้​ก็​เชิญ​ผม​ไป​ที่​บ้าน. ต่อ​มา ผม​รู้สึก​ว่า​ต้องการ​เล่า​ให้​คน​อื่น​ฟัง​ถึง​สิ่ง​ที่​ผม​กำลัง​เรียน​รู้​เกี่ยว​กับ​จุด​มุ่ง​หมาย​ของ​ชีวิต.

การ​เอา​ใจ​ใส่​สิ่ง​ที่​ได้​เรียน​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​กระตุ้น​ผม​ให้​ทำ​การ​เปลี่ยน​แปลง​ใน​ชีวิต. ตัว​อย่าง​เช่น ผม​ไม่​ต้องการ​เก็บ​วัตถุ​สิ่ง​ของ​ที่​เกี่ยว​ข้อง​กับ​ศาสตร์​ลึกลับ​อีก​ต่อ​ไป. ดัง​นั้น ผม​จึง​เอา​ตาราง​ทำนาย​ดวง​ชะตา​ราศี​และ​ระฆัง​สมาธิ รวม​ทั้ง​ของ​ที่​ระลึก​อื่น ๆ ทาง​ศาสนา​ที่​ได้​มา​จาก​อินเดีย​ไป​ทิ้ง​หมด. ผม​ก้าว​หน้า​ใน​การ​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล ต่อ​มา​ก็​อุทิศ​ตัว​แด่​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า รับ​บัพติสมา​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ที่​เมือง​มิวนิก​ใน​เดือน​มิถุนายน 1994. โดย​การ​ทำ​เช่น​นี้ ผม​ยอม​รับ​จุด​มุ่ง​หมาย​ที่​แท้​จริง​ของ​ชีวิต​อย่าง​สุด​หัวใจ.

เดือน​กันยายน 1995 ผม​เริ่ม​เป็น​ไพโอเนียร์​ประจำ​ซึ่ง​เป็น​ผู้​รับใช้​เต็ม​เวลา​ประเภท​หนึ่ง​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา. นั่น​หมาย​ความ​ว่า ผม​ต้อง​ใช้​เวลา​มาก​ขึ้น​ใน​การ​พูด​คุย​เรื่อง​พระ​ประสงค์​ของ​พระเจ้า​กับ​ประชาชน. เพื่อ​จะ​ทำ​เช่น​นี้​ได้ ผม​ต้อง​หมาย​พึ่ง​กำลัง​จาก​พระ​ยะโฮวา. หลาย​ครั้ง​ที่​ผม​กลับ​ถึง​บ้าน​ใน​ตอน​เย็น​หลัง​จาก​ทำ​งาน​ประกาศ​หลาย​ชั่วโมง ผม​รู้สึก​ถึง​ความ​ชื่นชม​ยินดี​และ​ความ​สุข​ใจ​อย่าง​ที่​ไม่​เคย​มี​มา​ก่อน​ที่​ผม​จะ​รู้​จัก​พระ​ยะโฮวา. ใน​เดือน​มกราคม 1997 ผม​ได้​รับ​เชิญ​ให้​ทำ​งาน​รับใช้​เต็ม​เวลา​ใน​สำนักงาน​สาขา​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​เยอรมนี​หรือ​ที่​เรียก​ว่า​เบเธล ที่​เซลเทอร์ส ซึ่ง​เป็น​ที่​ที่​ผม​อยู่​ใน​เวลา​นี้. พ่อ​และ​แม่​มา​เยี่ยม​ผม​หลาย​ครั้ง และ​แม้​ว่า​พวก​ท่าน​ไม่​ได้​มี​ความ​เชื่อ​เช่น​เดียว​กับ​ผม แต่​ท่าน​ก็​ให้​ความ​นับถือ​เบเธล​และ​มี​ความ​สุข​ที่​ผม​อยู่​ที่​นี่.

วิทยาศาสตร์​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล

บาง​คน​อาจ​สงสัย​ว่า คน​ที่​เรียน​ด้าน​วิทยาศาสตร์​มา​นาน​หลาย​ปี​จะ​เชื่อ​สิ่ง​ที่​คัมภีร์​ไบเบิล​กล่าว​ได้​อย่าง​ไร. ที่​จริง ผม​ไม่​เห็น​ว่า​วิทยาศาสตร์​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล​ขัด​แย้ง​กัน​ตรง​ไหน. ใน​ฐานะ​นัก​ฟิสิกส์ ผม​ศึกษา​กฎ​ต่าง ๆ ที่​ควบคุม​ชีวิต และ​กฎ​เหล่า​นี้​ให้​หลักฐาน​ว่า​ได้​รับ​การ​ออก​แบบ​จาก​ผู้​มี​เชาวน์​ปัญญา​เหนือ​กว่า​มนุษย์.

ตัว​อย่าง​เช่น มี​ทฤษฎี​มาก​มาย​เกี่ยว​กับ​ฟิสิกส์, เคมี, และ​ชีววิทยา. แม้​ว่า​ทฤษฎี​เหล่า​นั้น​อาจ​เป็น​พื้น​ฐาน​ง่าย ๆ แต่​การ​คำนวณ​ทาง​คณิตศาสตร์​ที่​เกี่ยว​ข้อง​กับ​ทฤษฎี​เหล่า​นั้น​ซับซ้อน​มาก. นัก​วิทยาศาสตร์​ที่​ฉลาด​ปราดเปรื่อง​ได้​เสนอ​ทฤษฎี​มาก​มาย​และ​ได้​รับ​รางวัล​โนเบล​เนื่อง​จาก​ผล​งาน​ของ​เขา. นัก​วิทยาศาสตร์​ต้อง​ใช้​ความ​พยายาม​อย่าง​มาก​กว่า​จะ​เข้าใจ​กฎ​ธรรมชาติ​เหล่า​นั้น ฉะนั้น ผู้​ที่​ออก​แบบ​และ​ทำ​ให้​เอกภพ​ดำรง​อยู่​ได้​จะ​ต้อง​มี​สติ​ปัญญา​ล้ำ​เลิศ​ยิ่ง​กว่า​นั้น​อีก!

การ​ที่​นัก​วิวัฒนาการ​หลาย​คน​บอก​ว่า​ชีวิต​เกิด​ขึ้น​มา​โดย​บังเอิญ​นั้น​เป็น​เรื่อง​ที่​ไม่​น่า​เชื่อ. เพื่อ​เป็น​ตัว​อย่าง ลอง​วาง​ลูก​ฟุตบอล​สิบ​ลูก​เป็น​เส้น​ตรง โดย​ให้​แต่​ละ​ลูก​ห่าง​กัน​หนึ่ง​เมตร. จาก​นั้น​ให้​เตะ​ลูก​ฟุตบอล​ลูก​แรก โดย​พยายาม​ให้​ลูก​ฟุตบอล​แต่​ละ​ลูก​กระทบ​ลูก​ต่อ ๆ ไป​จน​ครบ​ทั้ง​สิบ​ลูก. นอก​จาก​นั้น ให้​พยายาม​ทาย​ว่า​ลูก​ฟุตบอล​แต่​ละ​ลูก​จะ​กลิ้ง​ไป​หยุด​อยู่​ที่​ใด. โอกาส​ที่​จะ​ทำ​เช่น​นั้น​ได้​แทบ​ไม่​มี​เลย และ​คน​ส่วน​ใหญ่​คง​คิด​ว่า​เป็น​ไป​ไม่​ได้.

เมื่อ​เป็น​เช่น​นั้น จะ​มี​ใคร​อ้าง​ได้​อย่าง​ไร​ว่า​การ​พัฒนา​เซลล์​มนุษย์ ซึ่ง​มี​ขั้น​ตอน​ที่​ซับซ้อน​กว่า​การ​เตะ​ลูก​ฟุตบอล​หลาย​เท่า จะ​เกิด​ขึ้น​โดย​บังเอิญ? คำ​อธิบาย​ที่​สม​เหตุ​ผล​ที่​สุด​คือ ต้อง​มี​ผู้​ที่​มี​เชาวน์​ปัญญา​ล้ำ​เลิศ​องค์​หนึ่ง​สร้าง​มนุษย์​และ​สิ่ง​มี​ชีวิต​อื่น ๆ ทุก​ชนิด​บน​แผ่นดิน​โลก. ผู้​นั้น ซึ่ง​เป็น​พระ​ผู้​สร้าง จะ​สร้าง​สิ่ง​ต่าง ๆ ขึ้น​โดย​ไร้​จุด​มุ่ง​หมาย​ไหม? ไม่​เป็น​เช่น​นั้น​แน่. พระองค์​ต้อง​มี​จุด​มุ่ง​หมาย และ​จุด​มุ่ง​หมาย​นั้น​ก็​ได้​รับ​การ​เปิด​เผย​อย่าง​ที่​สามารถ​เข้าใจ​ได้​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล.

ดัง​ที่​คุณ​เห็น ทั้ง​วิทยาศาสตร์​และ​คัมภีร์​ไบเบิล​ช่วย​ผม​ให้​พบ​คำ​ตอบ​สำหรับ​คำ​ถาม​ที่​สงสัย​มา​นาน​แล้ว​เกี่ยว​กับ​ชีวิต. คุณ​นึก​ออก​ไหม​ว่า คุณ​จะ​รู้สึก​สบาย​ใจ​และ​มี​ความ​สุข​มาก​แค่​ไหน​เมื่อ​ได้​พบ​สิ่ง​ที่​คุณ​ค้น​หา​มา​ตลอด 20 ปี? ผม​ปรารถนา​อย่าง​ยิ่ง​ที่​จะ​ช่วย​ผู้​คน​ให้​มาก​เท่า​ที่​เป็น​ไป​ได้ ให้​เขา​ได้​พบ​สิ่ง​ที่​ผม​พบ​ใน​ที่​สุด ซึ่ง​ไม่​ใช่​แค่​คำ​ตอบ​สำหรับ​คำ​ถาม​ของ​ผม​เท่า​นั้น แต่​สำคัญ​ยิ่ง​กว่า​นั้น นั่น​คือ​วิธี​นมัสการ​พระ​ยะโฮวา พระเจ้า​องค์​เที่ยง​แท้​อย่าง​ถูก​ต้อง!

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 17 สำหรับ​การ​พิจารณา​อย่าง​ละเอียด ดู​หนังสือ​ความ​รู้​ซึ่ง​นำ​ไป​สู่​ชีวิต​นิรันดร์ บท 10 “ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​ปกครอง” หน้า 90-97 จัด​พิมพ์​โดย​พยาน​พระ​ยะโฮวา.

^ วรรค 18 จัด​พิมพ์​โดย​พยาน​พระ​ยะโฮวา. ตอน​นี้​งด​พิมพ์​แล้ว.

[คำ​โปรย​หน้า 14]

ใน​ฐานะ​นัก​ฟิสิกส์ ผม​ได้​ศึกษา​กฎ​ต่าง ๆ ที่​ควบคุม​ชีวิต และ​กฎ​เหล่า​นี้​ให้​หลักฐาน​ว่า​ผู้​มี​เชาวน์​ปัญญา​ล้ำ​เลิศ​กว่า​มนุษย์​เป็น​ผู้​ตั้ง​กฎ​เหล่า​นั้น​ขึ้น

[ภาพ​หน้า 12]

เมื่อ​ผม​อายุ 12 ปี

[ภาพ​หน้า 13]

เนื่อง​จาก​ต้องการ​ค้น​หา​จุด​มุ่ง​หมาย​ของ​ชีวิต ผม​หัน​ไป​หา​การ​นั่ง​สมาธิ​แบบ​ชาว​ตะวัน​ออก

[ภาพ​หน้า 15]

การ​ประกาศ​ให้​คน​อื่น​ฟัง​ทำ​ให้​ผม​ชื่นชม​ยินดี​และ​มี​ความ​สุข​ใจ​อย่าง​แท้​จริง

[ที่​มา​ของ​ภาพ]

Cover of book: J. Hester and P. Scowen (AZ State Univ.), NASA