บทความศึกษา 4
เพลง 18 ขอบคุณที่มีค่าไถ่
เราได้เรียนอะไรจากค่าไถ่?
“พระเจ้าแสดงความรักต่อเราอย่างชัดเจน”—1 ยน. 4:9
จุดสำคัญ
ค่าไถ่สอนอะไรเราเกี่ยวกับคุณลักษณะที่น่าประทับใจของพระยะโฮวาและพระเยซู
1. ทำไมเราควรไปประชุมอนุสรณ์ทุกปี?
คุณเห็นด้วยแน่ ๆ ว่าค่าไถ่เป็นของขวัญที่มีค่ามาก (2 คร. 9:15) การที่พระเยซูสละชีวิตของท่าน ทำให้คุณได้สนิทกับพระยะโฮวาและทำให้คุณมีความหวังที่จะมีชีวิตตลอดไป เราเลยอยากขอบคุณที่พระยะโฮวาให้ค่าไถ่เพราะพระองค์รักเรามาก (รม. 5:8) เพื่อที่เราจะเห็นค่าที่มีค่าไถ่และไม่ลืมสิ่งที่พระยะโฮวาและพระเยซูทำเพื่อเรา พระเยซูจึงตั้งการฉลองอาหารมื้อเย็นของพระคริสต์และอยากให้เราประชุมอนุสรณ์ทุกปี—ลก. 22:19, 20
2. เราจะคุยเรื่องอะไรในบทความนี้?
2 การประชุมอนุสรณ์ปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 12 เมษายน 2025 เราทุกคนคงกำลังวางแผนที่จะเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ เราจะได้ประโยชน์มากแน่ ๆ ถ้าเราใช้ช่วงเวลาของการประชุมอนุสรณ์เพื่อคิดใคร่ครวญ aว่าพระยะโฮวากับพระเยซูลูกของพระองค์ทำอะไรเพื่อเรา ในบทความนี้เราจะคุยกันว่าค่าไถ่สอนอะไรเราเกี่ยวกับพระยะโฮวาและพระเยซู ส่วนบทความหน้าจะช่วยให้เราเข้าใจว่าเราได้ประโยชน์อะไรบ้างจากค่าไถ่และเราจะแสดงให้เห็นยังไงว่าเราเห็นค่าที่มีค่าไถ่
ค่าไถ่สอนอะไรเราเกี่ยวกับพระยะโฮวา?
3. การตายของคนคนเดียวจะไถ่ชีวิตคนเป็นล้าน ๆ ได้ยังไง? (ดูภาพด้วย)
3 ค่าไถ่สอนเราว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่ยุติธรรม (ฉธบ. 32:4) ทำไมเราถึงบอกแบบนั้นได้? ลองคิดดูว่านับตั้งแต่อาดัมไม่เชื่อฟังพระยะโฮวา เราซึ่งเป็นลูกหลานของเขาก็กลายเป็นคนบาปและในที่สุดก็ต้องตาย (รม. 5:12) เพื่อที่พระยะโฮวาจะช่วยเราให้หลุดพ้นจากบาปและความตาย พระองค์ได้จัดเตรียมให้พระเยซูมาเป็นค่าไถ่เพื่อเรา แต่การสละชีวิตของมนุษย์สมบูรณ์แค่คนเดียวจะไถ่คนเป็นล้าน ๆ ได้ยังไง? อัครสาวกเปาโลให้คำตอบ ว่า “เหมือนกับที่การไม่เชื่อฟังของคนคนเดียว [อาดัม] ทำให้คนมากมายเป็นคนบาป การเชื่อฟังของคนคนเดียว [พระเยซู] ก็ทำให้คนมากมายเป็นที่ยอมรับของพระเจ้า” (รม. 5:19; 1 ทธ. 2:6) พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เรากลายเป็นคนบาปและต้องตายก็เพราะมนุษย์สมบูรณ์แบบคนเดียวที่ไม่เชื่อฟัง ดังนั้น การช่วยเราให้พ้นจากบาปและความตายก็ใช้แค่ชีวิตของมนุษย์สมบูรณ์แบบคนเดียวที่เชื่อฟังก็เพียงพอแล้ว
4. ทำไมพระยะโฮวาไม่แค่ปล่อยให้ลูกหลานของอาดัมที่เชื่อฟังมีชีวิตตลอดไป?
4 พระยะโฮวาจำเป็นต้องส่งพระเยซูมาตายเพื่อเราจริง ๆ เหรอ? พระองค์แค่ให้ลูกหลานของอาดัมที่เชื่อฟังมีชีวิตตลอดไปเลยไม่ได้เหรอ? ในมุมมองของมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์แบบอย่างเรา เราอาจคิดว่านี่เป็นทางออกที่ดีและมีเหตุผล แต่สำหรับพระยะโฮวาซึ่งเป็นพระเจ้าที่แสดงความยุติธรรมอย่างสมบูรณ์แบบ พระองค์ปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ พระองค์ไม่สามารถที่จะมองข้ามการจงใจไม่เชื่อฟังของอาดัม
5. ทำไมเรามั่นใจได้ว่าพระยะโฮวาจะทำสิ่งที่ถูกต้องและยุติธรรมเสมอ?
5 แต่ถ้าพระยะโฮวายอมให้ลูกหลานของอาดัมที่ไม่สมบูรณ์แบบมีชีวิตตลอดไปโดยที่พระองค์ไม่จัดเตรียมให้มีค่าไถ่ล่ะ? ถ้าเป็นแบบนั้น พระยะโฮวาก็จะฝ่าฝืนมาตรฐานของพระองค์เองในเรื่องความยุติธรรม และนี่อาจทำให้มนุษย์คิดว่าจะมั่นใจในความยุติธรรมของพระองค์ในเรื่องอื่น ๆ ได้อยู่ไหม เช่น พระองค์จะทำตามที่สัญญาทุกเรื่องจริงหรือเปล่า แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เราไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นแม้แต่นิดเดียว การที่พระยะโฮวาทำตามมาตรฐานความยุติธรรมของพระองค์ในเรื่องนี้แม้ต้องเสียสละครั้งใหญ่ นั่นก็คือยอมสละลูกชายที่พระองค์รักมาก ทำให้เรามั่นใจเลยว่าพระยะโฮวาจะทำสิ่งที่ถูกต้องและยุติธรรมเสมอ
6. ค่าไถ่ทำให้เห็นความรักของพระยะโฮวายังไง? (1 ยอห์น 4:9, 10)
6 นอกจากค่าไถ่จะช่วยให้เรารู้ว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าที่ยุติธรรมแล้ว ค่าไถ่ยังช่วยให้เราเข้าใจว่าพระยะโฮวารักเรามากขนาดไหน (ยน. 3:16; อ่าน 1 ยอห์น 4:9, 10) คำสอนเรื่องค่าไถ่ทำให้เรารู้ว่าพระยะโฮวาไม่ใช่แค่อยากให้เรามีชีวิตตลอดไปเท่านั้น แต่พระองค์ยังอยากให้เราได้มาอยู่ในครอบครัวของพระองค์ด้วย ตอนที่อาดัมทำบาป พระยะโฮวาไล่เขาออกจากการเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวผู้นมัสการของพระองค์ นี่เลยทำให้เราทุกคนซึ่งเป็นลูกหลานของอาดัมไม่ได้อยู่ในครอบครัวของพระองค์ตั้งแต่เกิด แต่พอพระยะโฮวาจัดเตรียมเรื่องค่าไถ่ พระองค์เลยสามารถให้อภัยเราได้ และในอนาคตทุกคนที่ แสดงความเชื่อและเชื่อฟังจะได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของพระองค์ ถึงอย่างนั้น แม้แต่ตอนนี้เราก็ยังได้ประโยชน์จากค่าไถ่ด้วย เราได้มีโอกาสสนิทกับพระยะโฮวาและกับพี่น้องร่วมความเชื่อ เราเห็นเลยว่าพระยะโฮวารักเรามากจริง ๆ—รม. 5:10, 11
7. การที่พระยะโฮวายอมให้พระเยซูทนทุกข์ทำให้เราเห็นยังไงว่าพระองค์รักเรามาก?
7 เราสามารถเข้าใจชัดเจนขึ้นว่าพระยะโฮวารักเราแค่ไหนถ้าเราคิดใคร่ครวญว่าพระองค์ต้องเสียสละขนาดไหนที่ส่งพระเยซูมาเป็นค่าไถ่ ซาตานอ้างว่าไม่มีผู้รับใช้ของพระยะโฮวาคนไหนจะซื่อสัตย์ภักดีต่อพระองค์ถ้าเจอความยากลำบาก เพื่อที่จะพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานี้ไม่เป็นความจริง พระยะโฮวาเลยยอมให้พระเยซูเจอความทุกข์ยากลำบากหลายอย่างก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต (โยบ 2:1-5; 1 ปต. 2:21) พระยะโฮวาต้องทนดูพระเยซูถูกหัวหน้าศาสนาเยาะเย้ย ถูกทหารเฆี่ยนด้วยแส้ ถูกตรึงบนเสาทรมาน และสุดท้ายพระองค์ต้องทนดูลูกชายสุดที่รักของพระองค์ตายอย่างเจ็บปวดทรมาน (มธ. 27:28-31, 39) พระยะโฮวามีอำนาจที่จะหยุดไม่ให้เกิดสิ่งเหล่านี้เมื่อไหร่ก็ได้ เช่น ตอนที่พวกผู้ต่อต้านบอกว่า “ถ้าพระเจ้าอยู่กับเขา ก็ให้พระองค์มาช่วยเขาเดี๋ยวนี้สิ” พระองค์จะลงมือช่วยพระเยซูตอนนั้นเลยก็ได้ (มธ. 27:42, 43) แต่ถ้าพระยะโฮวาทำแบบนั้นก็จะไม่มีการจ่ายค่าไถ่และเราก็จะไม่มีหวังอะไรเลย พระองค์เลยยอมให้พระเยซูทนทุกข์จนถึงลมหายใจเฮือกสุดท้าย
8. พระยะโฮวารู้สึกเจ็บปวดไหมตอนที่เห็นลูกชายของพระองค์ทนทุกข์ทรมาน? ขออธิบาย (ดูภาพด้วย)
8 เราไม่ควรคิดว่าเพราะพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าผู้มีพลังอำนาจสูงสุด พระองค์คงไม่มีความรู้สึกหรอก อย่าลืมว่าเราถูกสร้างตามแบบของพระองค์ ดังนั้น พระยะโฮวาก็ต้องมีความรู้สึกเหมือนกัน คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าพระยะโฮวารู้สึก “เสียใจ” และ “เศร้าใจ” (สด. 78:40, 41) นอกจากนั้น ลองคิดถึงตัวอย่างของอับราฮัมกับอิสอัคด้วย คุณคงจำได้ว่าพระยะโฮวาสั่งให้อับราฮัมถวายอิสอัคลูกชายคนเดียวของเขาเป็นเครื่องบูชา (ปฐก. 22:9-12; ฮบ. 11:17-19) ตอนที่อับราฮัมกำลังเงื้อมีดจะแทงลูกชายคนเดียวของตัวเอง เขาคงต้องมีความรู้สึกหลายอย่างที่ถาโถมเข้ามาและเจ็บปวดมากแน่ ๆ แต่ลองคิดดูสิว่า พระยะโฮวาจะยิ่งเจ็บปวดมากกว่านั้นสักขนาดไหนที่เห็นพระเยซูถูกคนชั่วทรมานจนตาย—ดูวีดีโอเลียนแบบความเชื่อของพวกเขา—อับราฮัม ตอน 2 ในเว็บไซต์ jw.org
9. โรม 8:32, 38, 39 สอนอะไรเราเกี่ยวกับความรักของพระยะโฮวา?
9 ค่าไถ่สอนเราว่าไม่มีใครรักเรามากเท่ากับพระยะโฮวา อีกแล้ว แม้แต่คนในครอบครัวที่ใกล้ชิดกับเรามากที่สุดหรือเพื่อนที่สนิทที่สุดก็ยังรักเราไม่มากเท่ากับพระองค์ (อ่านโรม 8:32, 38, 39) พระยะโฮวารักเรามากกว่าที่เรารักตัวเองซะอีก คุณอยากมีชีวิตตลอดไปไหม? พระยะโฮวาอยากให้คุณมีชีวิตตลอดไปมากกว่าที่คุณอยากซะอีก คุณอยากได้รับการอภัยบาปไหม? พระยะโฮวาอยากจะให้อภัยบาปคุณมากยิ่งกว่านั้นอีก สิ่งที่พระองค์ขอจากคุณก็มีแค่อยากให้คุณเห็นค่าสิ่งที่พระองค์ทำเพื่อคุณ แสดงความเชื่อ และเชื่อฟังพระองค์ เราเห็นชัดเลยว่าค่าไถ่เป็นของขวัญที่มีค่ามากที่แสดงให้เห็นว่าพระยะโฮวารักเราจริง ๆ และในโลกใหม่เราจะยิ่งได้เรียนรู้เกี่ยวกับความรักของพระยะโฮวามากขึ้นอีก—ปญจ. 3:11
ค่าไถ่สอนอะไรเราเกี่ยวกับพระเยซู?
10. (ก) ทำไมพระเยซูถึงทุกข์ใจมากเกี่ยวกับการตายของท่าน? (ข) พระเยซูทำให้ชื่อของพระยะโฮวาเป็นที่เคารพนับถือยังไง? (ดูกรอบ “ ความซื่อสัตย์ของพระเยซูทำให้ชื่อของพระยะโฮวาเป็นที่เคารพนับถืออยู่เสมอ” ด้วย)
10 พระเยซูเป็นห่วงชื่อเสียงพ่อของท่าน (ยน. 14:31) พระเยซูทุกข์ใจมากที่ท่านถูกตั้งข้อหาว่าหมิ่นประมาทพระเจ้าและเป็นคนก่อความไม่สงบในบ้านเมือง ซึ่งข้อหาเหล่านี้อาจทำให้ชื่อเสียงของพ่อท่านเสื่อมเสีย นี่เลยเป็นเหตุผลที่ท่านอธิษฐานว่า “พ่อครับ ถ้าเป็นได้ ขอให้ถ้วยนี้ผ่านพ้นไปจากผม” (มธ. 26:39) โดยการที่พระเยซูรักษาความซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาจนเสียชีวิต เป็นการทำให้ชื่อของพระองค์เป็นที่เคารพนับถืออยู่เสมอ
11. พระเยซูแสดงให้เห็นยังไงว่าท่านรักผู้คนมาก? (ยอห์น 13:1)
11 ค่าไถ่ยังสอนเราด้วยว่าพระเยซูรักผู้คนมากโดยเฉพาะสาวกของท่าน (สภษ. 8:31; อ่านยอห์น 13:1) ตัวอย่างเช่น ตอนที่พระเยซูทำงานรับใช้บนโลก ท่านรู้ว่าจะต้องเจอกับหลายเรื่องที่ยากมาก ๆ โดยเฉพาะในช่วงท้ายของชีวิตท่านก็รู้ว่าจะต้องตายอย่างทรมาน แต่ถึงอย่างนั้นท่านก็ไม่ได้ทำงานรับใช้แค่พอเป็นหน้าที่ แต่ท่านให้ใจกับงานนี้ ท่านทุ่มเทตัวและตั้งใจทำงานประกาศ งานสอน และรับใช้คนอื่น แม้แต่วันที่ท่านจะตาย ท่านก็ยังล้างเท้าให้อัครสาวกและยังพูดให้กำลังใจและสอนหลายเรื่องกับพวกเขา (ยน. 13:12-15) และตอนที่ท่านถูกตรึงบนเสาทรมาน ท่านก็ยังพูดให้ความหวังกับผู้ร้ายที่กำลังจะตาย และยังจัดแจงให้แม่ของท่านได้รับการดูแล (ลก. 23:42, 43; ยน. 19:26, 27) เราเห็นชัดเลยว่าพระเยซูรักผู้คนมาก และท่านแสดงให้เห็นเรื่องนี้โดยไม่ใช่แค่ตายเพื่อพวกเขา แต่โดยแสดงความรักและความกรุณาตลอดช่วงที่ท่านอยู่บนโลก
12. พระเยซูยังคงเสียสละเพื่อเราจนถึงตอนนี้ยังไง?
12 พระเยซูตาย “ครั้งเดียว” เพื่อเรา แต่ท่านก็ยังคงเสียสละเพื่อเราจนถึงทุกวันนี้ (รม. 6:10) เป็นแบบนั้นได้ยังไง? ท่านยังคงใช้เวลาและความพยายามเพื่อจะช่วยเราให้ได้รับประโยชน์จากค่าไถ่ เช่น ตอนนี้ท่านรับใช้ในฐานะกษัตริย์ มหาปุโรหิต และผู้นำประชาคม (1 คร. 15:25; อฟ. 5:23; ฮบ. 2:17) ท่านยังเป็นผู้นำในการรวบรวมผู้ถูกเจิมและชนฝูงใหญ่ซึ่งงานนี้จะต้องทำให้เสร็จก่อนที่ความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่จะจบลง b (มธ. 25:32; มก. 13:27) นอกจากนั้น ท่านยังคอยดูแลผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ให้มีความรู้ที่เสริมความเชื่ออยู่เสมอในสมัยสุดท้ายนี้ (มธ. 24:45) และในช่วงสมัยพันปีที่ท่านปกครอง ท่านก็ยังจะคอยดูแลพวกเราเสมอ พระยะโฮวาสละลูกชายของพระองค์เพื่อเราจริง ๆ
อย่าหยุดเรียนรู้
13. คุณควรทำอะไรเพื่อจะเรียนรู้ต่อ ๆ ไปเกี่ยวกับความรักของพระยะโฮวาและพระเยซู?
13 คุณสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับความรักของพระยะโฮวาและพระเยซูได้ต่อ ๆ ไปถ้าคุณพยายามคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับเรื่องนี้เสมอ ในช่วงการประชุมอนุสรณ์ของปีนี้คุณอาจอ่านหนังสือข่าวดีสักหนึ่งเล่มหรือมากกว่านั้นก็ได้ แต่อย่าอ่านทีเดียวเยอะ ๆ ให้อ่านช้า ๆ และลองหาจุดที่ทำให้คุณเห็นว่าทำไมคุณควรรักพระยะโฮวาและพระเยซู และพอได้เรียนบางจุดที่น่าสนใจ ก็ให้เล่าให้คนอื่นฟัง
14. การค้นคว้าจะช่วยเรายังไงในการเรียนรู้เกี่ยวกับค่าไถ่และคำสอนอื่น ๆ? (สดุดี 119:97) (ดูภาพด้วย)
14 ถ้าคุณอยู่ในความจริงมาหลายปีแล้ว คุณอาจสงสัยว่ายังมีอะไรใหม่ ๆ อีกเหรอที่ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับความยุติธรรมของพระยะโฮวา ความรักของพระองค์ และเรื่องค่าไถ่? แต่ความจริงก็คือเราสามารถเรียนรู้เรื่องเหล่านี้และเรื่องอื่น ๆ ได้ไม่มีวันสิ้นสุด ถ้าอย่างนั้นคุณควรทำอะไร? ขอให้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากหนังสือและวารสารที่องค์การจัดเตรียมให้ ถ้าคุณอ่านข้อคัมภีร์สักข้อหนึ่งแล้วคุณไม่เข้าใจเต็มที่ ก็ให้ค้นคว้าเกี่ยวกับข้อคัมภีร์นั้น แล้วขอให้ใช้เวลาตลอดทั้งวันเพื่อคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับสิ่งที่คุณได้เรียน และคิดว่าเรื่องนั้นสอนอะไรคุณเกี่ยวกับพระยะโฮวา ลูกชายของพระองค์ และความรักที่พระองค์ทั้งสองมีต่อคุณ—อ่านสดุดี 119:97 และเชิงอรรถ
15. ทำไมเราควรค้นหาความรู้ที่มีค่าในคัมภีร์ไบเบิลต่อ ๆ ไป?
15 อย่าท้อใจถ้าคุณรู้สึกว่าไม่เจออะไรใหม่ ๆ หรืออะไรที่น่าตื่นเต้นตอนที่คุณอ่านคัมภีร์ไบเบิลหรือตอนที่ค้นคว้า จริง ๆ แล้วการที่คุณทำอย่างนี้ก็เหมือนกับการร่อนทอง คนที่ร่อนทองใช้เวลาเป็นชั่วโมง ๆ หรือเป็นวัน ๆ กว่าจะได้เจอทองชิ้นเล็ก ๆ ชิ้นเดียว ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังพยายามทำอย่างนั้นต่อไปเพราะเขารู้ว่าทองทุกชิ้นมีค่ามากแม้มันจะเล็กนิดเดียว แต่ความจริงในคัมภีร์ไบเบิลมีค่ามากกว่านั้นอีกหลายเท่า (สด. 119:127; สภษ. 8:10) ดังนั้น ขอให้คุณอดทนและอ่านคัมภีร์ไบเบิลเป็นประจำต่อ ๆ ไป—สด. 1:2
16. เราจะเลียนแบบพระยะโฮวาและพระเยซูได้ยังไง?
16 ตอนที่คุณศึกษาส่วนตัว ให้หาวิธีที่คุณจะเอาสิ่งที่เรียนไปใช้ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเลียนแบบความยุติธรรมของพระยะโฮวาได้โดยปฏิบัติกับคนอื่นอย่างไม่ลำเอียง และให้คุณเลียนแบบความรักที่พระเยซูมีต่อพ่อของท่านและต่อคนอื่นโดยยอมอดทนกับความยากลำบากเพื่อปกป้องชื่อเสียงของพระยะโฮวาและโดยเสียสละตัวเองเพื่อพี่น้อง นอกจากนั้น ให้คุณเลียนแบบพระเยซูโดยประกาศกับคนอื่นเพื่อที่พวกเขาจะมีโอกาสได้รับประโยชน์จากค่าไถ่ซึ่งเป็นของขวัญที่มีค่ามากจากพระยะโฮวา
17. เราจะเรียนอะไรในบทความถัดไป?
17 เมื่อเราเรียนรู้เกี่ยวกับค่าไถ่ต่อ ๆ ไป เราก็จะยิ่งรักพระยะโฮวาและพระเยซูมากขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อเรารักพระองค์ทั้งสองมากขึ้น พระองค์ทั้งสองก็จะรักเรามากขึ้นด้วย (ยน. 14:21; ยก. 4:8) ดังนั้น ขอให้เราใช้สิ่งต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาจัดเตรียมให้เราเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับค่าไถ่ต่อ ๆ ไป ในบทความหน้าเราจะได้เรียนว่าเราได้ประโยชน์อะไรบ้างจากค่าไถ่ และเราจะแสดงให้เห็นยังไงว่าเรารู้สึกขอบคุณความรักที่พระยะโฮวามีต่อเรา
เพลง 107 พระเจ้าเป็นแบบอย่างของความรัก
a อธิบายคำศัพท์ “การคิดใคร่ครวญ” คือการจดจ่อกับบางเรื่องและคิดอย่างลึกซึ้ง
b การรวบรวม “ทุกสิ่ง . . . บนสวรรค์” ที่เปาโลพูดถึงในเอเฟซัส 1:10 ต่างจากการรวบรวม “คนที่พระเจ้าเลือกไว้” ที่พระเยซูพูดถึงในมัทธิว 24:31 และมาระโก 13:27 เปาโลพูดถึงตอนที่พระยะโฮวาเลือกคนที่จะปกครองในสวรรค์ร่วมกับพระเยซูโดยเจิมพวกเขาด้วยพลังบริสุทธิ์ ส่วนพระเยซูพูดถึงตอนที่ผู้ถูกเจิมที่เหลืออยู่จะถูกรวบรวมไปสวรรค์ในช่วงความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่