บทความศึกษา 22
เพลง 127 ฉันควรเป็นคนแบบไหน?
ใช้ช่วงเวลาที่เป็นแฟนเพื่อช่วยให้ตัดสินใจอย่างฉลาด
“ความงามของคุณอยู่ที่ภายใน . . . ไม่มีวันจืดจาง”—1 ปต. 3:4
จุดสำคัญ
คนที่เป็นแฟนจะทำอะไรได้บ้างเพื่อจะตัดสินใจอย่างฉลาด และพี่น้องคนอื่น ๆ ในประชาคมจะช่วยพวกเขาได้ยังไง
1-2. บางคนรู้สึกยังไงตอนที่คบกันเป็นแฟน?
ช่วงเวลาที่คบกันเป็นแฟนเป็นช่วงที่มีความสุขและน่าตื่นเต้น ถ้าคุณกำลังคบกับใครอยู่ คุณคงอยากให้มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุข และหลายคู่ก็รู้สึกอย่างนั้น ซียาน aพี่น้องหญิงจากเอธิโอเปียบอกว่า “หนึ่งในช่วงเวลาที่ฉันมีความสุขมากที่สุดก็คือตอนที่ฉันกับสามีเป็นแฟนกัน ตอนนั้นมีหลายเรื่องที่เราต้องคุยกันแบบซีเรียส แต่เราก็ยังมีช่วงเวลาดี ๆ ที่ได้หัวเราะด้วยกัน ฉันมีความสุขมากที่ในที่สุดฉันก็ได้พบคนที่ฉันรักและคนที่รักฉัน”
2 อย่างไรก็ตาม อะเลสโชพี่น้องชายจากเนเธอร์แลนด์บอกว่า “ตอนที่ผมกับภรรยาเป็นแฟนกัน เรามีความสุขมากที่ได้ทำความรู้จักกันดีขึ้น แต่เราก็เจอปัญหาด้วย” ในบทความนี้เราจะมาดูว่ามีปัญหาอะไรบ้างที่คนเป็นแฟนกันต้องเจอ แล้วเราจะดูหลักการในคัมภีร์ไบเบิลที่ช่วยให้พวกเขาสามารถตัดสินใจได้อย่างฉลาด และเราจะดูด้วยว่าพี่น้องคนอื่น ๆ ในประชาคมจะช่วยคนที่กำลังคบกันได้ยังไง
จุดประสงค์ของการคบกันเป็นแฟน
3. จุดประสงค์ของการคบกันเป็นแฟนคืออะไร? (สุภาษิต 20:25)
3 การคบกันเป็นแฟนเป็นช่วงเวลาที่มีความสุข ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นขั้นตอนสำคัญด้วยที่นำไปสู่การแต่งงาน ในวันแต่งงานเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะปฏิญาณต่อพระยะโฮวาว่าพวกเขาจะรักและให้เกียรติกันตราบเท่าที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ ก่อนที่เราแต่ละคนจะปฏิญาณอะไร เราก็ต้องคิดเรื่องนั้นอย่างรอบคอบ (อ่านสุภาษิต 20:25) และนี่ก็เป็นจริงกับคำ ปฏิญาณเรื่องการแต่งงานด้วย การคบกันเป็นแฟนจะช่วยให้คนสองคนได้รู้จักกันมากขึ้นและช่วยให้พวกเขาตัดสินใจอย่างฉลาด บางครั้งทั้งสองคนอาจตัดสินใจที่จะแต่งงานกันหรือตัดสินใจที่จะเลิกกันก็ได้ ถ้าทั้งสองคนเลิกกัน นี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาล้มเหลว แต่พวกเขาได้บรรลุจุดประสงค์ของการคบกันเป็นแฟนแล้ว นั่นก็คือเพื่อที่จะช่วยให้พวกเขาตัดสินใจได้อย่างฉลาดว่าจะแต่งงานกับคนที่คบกันอยู่หรือไม่
4. ทำไมเราต้องมีมุมมองที่ถูกต้องในเรื่องการคบกันเป็นแฟน?
4 ทำไมถึงสำคัญที่จะมีมุมมองที่ถูกต้องในเรื่องการคบกันเป็นแฟน? ถ้าคนโสดมีมุมมองที่ถูกต้องในเรื่องนี้ เขาก็จะไม่คบเป็นแฟนกับคนที่เขาไม่คิดจะแต่งงานด้วย แต่คนโสดไม่ใช่คนกลุ่มเดียวที่ต้องมีมุมมองที่ถูกต้องในเรื่องนี้ เราทุกคนก็เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น บางคนคิดว่าถ้าคนสองคนกำลังคบกัน พวกเขาต้องแต่งงานกันเท่านั้น แต่การคิดแบบนี้ส่งผลกับคนโสดยังไง? เมลิซ่าพี่น้องหญิงโสดที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาบอกว่า “คนที่กำลังคบกันรู้สึกกดดันมากเลยค่ะ บางคู่ก็เลยไม่ยอมเลิกกันทั้ง ๆ ที่ไปกันไม่ได้ ส่วนบางคนก็ไม่กล้าคบเป็นแฟนกับใครเลย ถ้าเป็นแบบนี้มันก็เครียดมากเลยค่ะ”
รู้จักกันให้ดี
5-6. คนที่เป็นแฟนกันควรคุยกันเรื่องอะไรเพื่อจะรู้จักกันมากขึ้น? (1 เปโตร 3:4)
5 ถ้าคุณมีแฟน อะไรจะช่วยคุณตัดสินใจได้ว่าจะแต่งงานดีไหม? สิ่งที่จะช่วยคุณได้ก็คือคุณต้องรู้จักกันให้ดี ก่อนที่จะคบกันเป็นแฟนคุณคงได้รู้จักเขาบ้างแล้ว แต่ตอนนี้คุณมีโอกาสที่จะได้รู้จักตัวตนจริง ๆ ของเขา (อ่าน 1 เปโตร 3:4) นี่รวมถึงการได้รู้ว่าเขามีความเชื่อยังไง นิสัยใจคอเป็นยังไง และมีวิธีคิดแบบไหน เมื่อเวลาผ่านไปคุณน่าจะตอบคำถามเหล่านี้ได้ เช่น ‘คนนี้จะเป็นคู่ชีวิตที่ดีของฉันไหม?’ (สภษ. 31:26, 27, 30; อฟ. 5:33; 1 ทธ. 5:8) ‘เราเอาใจใส่ความรู้สึกของกันและกันได้ไหม? เรารับข้อเสียของกันและกันได้ไหม?’ b (รม. 3:23) ในช่วงที่คุณพยายามรู้จักกันให้ดีขึ้น ขอให้จำไว้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่ว่าคุณมีอะไรบ้างที่เหมือนกัน แต่คุณปรับตัวเข้ากันได้ดีขนาดไหนแม้คุณสองคนจะมีอะไรไม่เหมือนกัน
6 คุณควรคุยกันเรื่องอะไรอีกในช่วงที่เป็นแฟนกัน? ก่อนที่คุณจะรู้สึกชอบเขามาก ๆ คุณคงอยากคุยกันเกี่ยวกับเรื่องสำคัญ ๆ ก่อน อย่างเช่น เป้าหมายของแต่ละคน แต่ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวล่ะ เช่น เรื่องสุขภาพ เรื่องเงิน หรือเรื่องในอดีต? คุณไม่จำเป็นต้องคุยเรื่องทั้งหมดนี้ตั้งแต่ตอนที่เริ่มคบกันใหม่ ๆ (เทียบกับยอห์น 16:12) ถ้าแฟนของคุณถามบางเรื่องที่คุณรู้สึกว่ายังไม่พร้อมจะตอบ ก็ขอให้บอกเขา ถึงอย่างนั้นในที่สุดแฟนของคุณก็จำเป็นต้องรู้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อเขาจะตัดสินใจได้อย่างฉลาด ดังนั้น เมื่อถึงเวลาคุณก็ต้องเปิดใจคุยกันอย่างตรงไปตรงมา
7. มีวิธีอะไรบ้างที่จะช่วยให้คนที่เป็นแฟนกันรู้จักกันดีขึ้น? (ดูกรอบ “ รักทางไกล”) (ดูภาพด้วย)
7 แล้วคุณจะรู้ได้ยังไงว่าแฟนของคุณเป็นคนยังไงจริง ๆ? วิธีที่ดีที่สุดก็คือเปิดใจคุยกันตรง ๆ ให้ถามและตั้งใจฟังกันจริง ๆ (สภษ. 20:5; ยก. 1:19) คุณอาจต้องสร้างโอกาสในการคุยกันด้วย เช่น ไปกินข้าวด้วยกัน เดินเล่นในที่สาธารณะด้วยกัน หรือไปประกาศด้วยกัน นอกจากนั้น คุณยังสามารถรู้จักกันดีขึ้นได้โดยใช้เวลากับเพื่อน ๆ และครอบครัว ไม่เพียงเท่านั้นคุณอาจจะวางแผนทำสิ่งที่ต่างออกไปจากเดิมเพื่อจะดูว่าแฟนของคุณเป็นคนยังไง เช่น ทำกิจกรรมที่หลากหลายกับพี่น้องหลาย ๆ คนที่แตกต่างกัน อัชวินกับเอลีเซียจากเนเธอร์แลนด์เล่าถึงช่วงที่พวกเขาคบกันว่า “เราจะหากิจกรรมง่าย ๆ ทำร่วมกันเพื่อจะรู้จักกันดีขึ้น เช่น ทำกับข้าวด้วยกันหรือทำงานด้วยกัน พอทำแบบนี้เราก็เลยได้เห็นข้อดีข้อเสียของกันและกันชัดขึ้น”
8. คนที่เป็นแฟนกันอาจได้ประโยชน์อะไรบ้างจากการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลด้วยกัน?
8 นอกจากนั้นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้คุณรู้จักกันดีขึ้นก็คือการคุยกันเกี่ยวกับเรื่องในคัมภีร์ไบเบิล ถ้าคุณแต่งงานคุณต้องจัดการนมัสการครอบครัวเป็นประจำเพื่อทำให้พระยะโฮวาเป็นส่วนสำคัญในชีวิตครอบครัวของคุณ (ปญจ. 4:12) ดังนั้น ทำไมไม่ลองทำแบบนี้ตอนที่คบกันดูล่ะ? แน่นอนว่าคนที่เป็นแฟนยังไม่ใช่สามีและภรรยากันและพี่น้องชายก็ยังไม่ได้เป็นผู้นำครอบครัวของพี่น้องหญิง แต่การนมัสการด้วยกันเป็นประจำจะช่วยให้เห็นสภาพความเชื่อของอีกฝ่ายหนึ่งได้ ให้เรามาดูตัวอย่างของแม็กซ์กับเลซ่าจากสหรัฐ ทั้งสองคนยังพบข้อดีอีกอย่างหนึ่งของการคุย กันเรื่องคัมภีร์ไบเบิลด้วย แม็กซ์บอกว่า “ช่วงแรก ๆ ที่เราคบกัน เราเริ่มนมัสการด้วยกันโดยใช้เรื่องต่าง ๆ จากหนังสือขององค์การ เช่น เรื่องการคบกัน การแต่งงาน หรือชีวิตครอบครัว บทความเหล่านี้เปิดโอกาสให้เราสองคนได้คุยกันเกี่ยวกับเรื่องสำคัญต่าง ๆ หลายเรื่อง ซึ่งปกติแล้วไม่ง่ายเลยที่จะยกเรื่องพวกนี้มาคุยกัน”
เรื่องอื่น ๆ ที่ต้องคิดถึง
9. ถ้าคุณจะบอกคนอื่นว่ากำลังมีแฟน คุณควรคิดถึงอะไรบ้าง?
9 คุณควรบอกใครบ้างว่าคุณกำลังมีแฟน? คุณสองคนต้องตัดสินใจเอง ช่วงแรกที่คบกันคุณอาจบอกแค่ไม่กี่คน (สภษ. 17:27) การทำแบบนี้จะช่วยให้คุณไม่รู้สึกกดดันและไม่ต้องคอยตอบคำถามคนอื่นบ่อย ๆ แต่ถ้าคุณไม่บอกใครเลย คุณอาจจะแอบไปคุยกันสองต่อสองเพราะกลัวคนอื่นรู้ ซึ่งนี่จะเป็นอันตรายมาก เป็นเรื่องฉลาดกว่าที่จะบอกคนที่สามารถให้คำแนะนำคุณหรือช่วยคุณได้ (สภษ. 15:22) เช่น คนในครอบครัว เพื่อนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ และผู้ดูแลในประชาคม
10. คนที่กำลังคบกันจะทำให้ช่วงเวลาที่เป็นแฟนกันน่านับถือได้ยังไง? (สุภาษิต 22:3)
10 คุณจะทำให้ช่วงที่คบกันเป็นแฟนน่านับถือได้ยังไง? ยิ่งคุณรู้สึกชอบกันมากขึ้นก็เป็นธรรมดาที่คุณอยากจะใกล้ชิดกัน แล้วอะไรจะช่วยให้คุณไม่ทำผิดศีลธรรมซึ่งจะทำให้พระยะโฮวาเสียใจ? (1 คร. 6:18) อย่าคุยเรื่องผิดศีลธรรม อย่าอยู่ด้วยกันสองต่อสองตามลำพัง และอย่าดื่มเหล้าเยอะ (อฟ. 5:3) เพราะสิ่งเหล่านี้อาจกระตุ้นความรู้สึกทางเพศและทำให้ยากที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง และเป็นเรื่องฉลาดด้วยที่คุณจะคุยกันเป็นระยะ ๆ ว่า คุณจะทำอะไรได้บ้างเพื่อจะให้เกียรติกันและกันและนับถือมาตรฐานของพระยะโฮวา? (อ่านสุภาษิต 22:3) ดาวิดกับอัลเมสจากเอธิโอเปียพูดถึงสิ่งที่ช่วยพวกเขาได้ พวกเขาบอกว่า “ตอนที่เราสองคนอยู่ด้วยกัน เราจะอยู่ในที่ที่มีคนเยอะ ๆ หรือไม่ก็มีเพื่อน ๆ อยู่ด้วย เราไม่เคยอยู่ด้วยกันตามลำพังในบ้านหรือในรถ เราเลยสามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้เกิดการล่อใจได้”
11. คนที่เป็นแฟนกันควรคิดถึงอะไรบ้างในเรื่องการแสดงความรักต่อกัน?
11 จะว่าอย่างไรในเรื่องการแสดงความรัก? เมื่อคุณชอบกันมากขึ้นเรื่อย ๆ คุณอาจแสดงความรักต่อกันในแบบที่เหมาะสม แต่ถ้าการทำบางอย่างกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกทางเพศ มันก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้คุณตัดสินใจอย่างฉลาด (พซม. 1:2; 2:6) นอกจากนั้น การแสดงความรักต่อกันก็อาจทำให้คุณเผลอทำอะไรเกินเลยซึ่งจะทำให้พระยะโฮวาเสียใจ (สภษ. 6:27) ดังนั้น ตอนที่เริ่มคบกันใหม่ ๆ ให้คุยกันโดยอาศัยหลักการในคัมภีร์ไบเบิลว่า คุณจะทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน c (1 ธส. 4:3-7) ให้ถามตัวเองว่า ‘ในละแวกที่ฉันอยู่ผู้คนรู้สึกยังไงกับการแสดงความรักต่อกันของเราสองคน? และการแสดงความรักแบบนั้นกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกทางเพศไหม?’
12. ถ้าคนที่เป็นแฟนกันมีปัญหากัน พวกเขาควรคิดถึงอะไรบ้าง?
12 ควรทำยังไงถ้าคุณสองคนมีปัญหากันและทะเลาะกัน? ถ้าคุณสองคนทะเลาะกันเป็นระยะ ๆ นี่แปลว่าคุณจะไปกันไม่รอดไหม? ไม่เป็นแบบนั้นเสมอไป เพราะไม่มีคู่ไหนที่เห็นตรงกันไปซะทุกเรื่อง คู่ สามีภรรยาที่รักกันอย่างมั่นคงจะให้เกียรติกันเสมอและเต็มใจปรับเปลี่ยนเพื่อจะทำสิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งชอบ ดังนั้น วิธีที่คุณพยายามแก้ปัญหาในตอนนี้จะทำให้รู้ว่าชีวิตแต่งงานของคุณจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ให้คุณสองคนถามตัวเองว่า ‘เราคุยกันแบบใจเย็น ๆ และให้เกียรติกันไหม? เรายอมรับผิดและพยายามปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นไหม? เรารีบขอโทษกัน ยอมกัน และให้อภัยกันไหม?’ (อฟ. 4:31, 32) แต่ถ้าคุณทะเลาะกันหรือมีปัญหากันตลอดตั้งแต่ตอนที่เป็นแฟน ก็อย่าคิดว่าสภาพการณ์จะดีขึ้นหลังแต่งงาน ถ้าคุณเห็นแล้วว่าเขาไม่ใช่คนที่เหมาะสำหรับคุณ การเลิกเป็นแฟนกันก็อาจเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดสำหรับทั้งสองฝ่าย d
13. อะไรจะช่วยให้รู้ว่าควรคบกันเป็นแฟนนานเท่าไหร่?
13 คุณควรคบกันเป็นแฟนนานเท่าไหร่? การรีบตัดสินใจเร็วเกินไปมักจะส่งผลเสียตามมา (สภษ. 21:5) ดังนั้น คุณควรคบกันให้นานพอที่จะรู้จักกันดีจริง ๆ แต่ก็ไม่ควรนานเกินไปโดยไม่จำเป็น คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ความคาดหวังที่ถูกเลื่อนออกไปทำให้เสียใจ” (สภษ. 13:12) นอกจากนั้น ยิ่งคบกันนานก็อาจยิ่งยากขึ้นที่จะต้านทานการล่อใจให้ทำผิดศีลธรรมทางเพศ (1 คร. 7:9) แทนที่จะสนใจว่าคุณควรคบกันนานเท่าไหร่ คุณอาจถามตัวเองว่า ‘มีอะไรอีกที่ฉันต้องรู้จักเขาให้มากขึ้นเพื่อจะตัดสินใจได้?’
พี่น้องในประชาคมจะช่วยคนที่เป็นแฟนกันได้ยังไง?
14. เราจะช่วยคนที่กำลังเป็นแฟนกันได้ยังไงบ้าง? (ดูภาพด้วย)
14 ถ้าเรารู้จักคนที่เป็นแฟนกันอยู่ เราจะช่วยพวกเขาได้ยังไง? เราสามารถชวนพวกเขากินข้าวด้วยกัน ศึกษาครอบครัวด้วยกัน หรือทำกิจกรรมบางอย่างด้วยกัน (รม. 12:13) การทำแบบนี้อาจช่วยพวกเขาให้รู้จักกันมากขึ้น พวกเขาต้องการคนไปเป็นเพื่อนไหม? พวกเขาอยากให้ขับรถไปรับไปส่งไหม? หรืออยากได้ที่ที่พวกเขาจะคุยกันเป็นส่วนตัวไหม? ถ้าเป็นแบบนั้น คุณจะช่วยพวกเขาได้ไหม? (กท. 6:10) เอลีเซียที่พูดถึงก่อนหน้านี้เล่าถึงตอนที่เธอกับอัชวินคบกันเป็นแฟน พวกเขาเห็นค่าความช่วยเหลือของพี่น้องมาก ๆ เอลีเซียบอกว่า “เราดีใจมากที่พี่น้องบอกว่าเราสามารถไปหาพวกเขาได้ที่บ้านถ้าเราต้องการที่ที่ จะคุยเรื่องส่วนตัวแบบที่ไม่ลับตาคนอื่น” ถ้าคนที่เป็นแฟนกันขอให้คุณไปเป็นเพื่อน ให้ถือว่านี่เป็นโอกาสที่คุณจะช่วยเพื่อนได้ คุณอาจให้เวลาและสถานที่ที่พวกเขาจะคุยกันส่วนตัวได้ แต่ต้องระวังที่จะไม่ปล่อยให้พวกเขาอยู่ลับสายตา—ฟป. 2:4
15. พี่น้องจะทำอะไรได้อีกเพื่อช่วยคนที่เป็นแฟนกัน (สุภาษิต 12:18)
15 นอกจากนั้น เราสามารถช่วยคนที่เป็นแฟนกันได้โดยคิดถึงสิ่งที่เราควรพูดหรือไม่ควรพูด บางครั้งเราอาจต้องควบคุมตัวเองและไม่พูดอะไร (อ่านสุภาษิต 12:18) ตัวอย่างเช่น เราอาจรู้สึกตื่นเต้นที่อยากจะบอกคนอื่นว่าพวกเขากำลังคบกันอยู่ แต่พวกเขาอาจอยากบอกเรื่องนี้ด้วยตัวเอง และเราไม่ควรนินทาพวกเขาหรือไม่ควรตำหนิวิจารณ์เรื่องส่วนตัวของพวกเขา (สภษ. 20:19; รม. 14:10; 1 ธส. 4:11) นอกจากนั้น เราไม่ควรพูดหรือถามเกี่ยวกับเรื่องแต่งงานซึ่งอาจทำให้พวกเขารู้สึกกดดันก็ได้ พี่น้องหญิงคนหนึ่งที่ชื่อเอลีซและสามีของเธอบอกว่า “เรารู้สึกอึดอัดตอนที่มีคนมาถามว่า เราจะแต่งงานเมื่อไหร่ทั้ง ๆ ที่เราสองคนยังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้เลย”
16. ถ้าคนที่เป็นแฟนกันตัดสินใจเลิกกัน เราควรทำยังไง?
16 ถ้าคนที่เป็นแฟนกันตัดสินใจเลิกกัน เราไม่ควรไปถามเรื่องนั้นหรือโทษว่าใครเป็นคนผิด (1 ปต. 4:15) พี่น้องหญิงคนหนึ่งที่ชื่อเลอาบอกว่า “พอฉันได้ยินคนอื่นพูดไปต่าง ๆ นานาเกี่ยวกับเรื่องที่ฉันกับพี่น้องชายคนนั้นเลิกเป็นแฟนกัน มันทำให้ฉันเจ็บมากเลยค่ะ” เหมือนที่บอกไปก่อนหน้านี้ การเลิกกันไม่ได้แปลว่าพวกเขาล้มเหลว แต่จริง ๆ แล้วเป็นการบรรลุจุดประสงค์ของการคบกัน นั่นก็คือช่วยทั้งสองคนให้ตัดสินใจได้อย่างฉลาด ถึงอย่างนั้น การเลิกกันก็อาจทำให้รู้สึกเสียใจหรือรู้สึกเหงาด้วย ดังนั้น เราควรหาวิธีที่จะช่วยพวกเขา—สภษ. 17:17
17. คนที่เป็นแฟนกันควรทำอะไรต่อ ๆ ไป?
17 อย่างที่เราได้เห็นไปแล้ว ช่วงที่คบกันเป็นแฟนอาจมีเรื่องท้าทายแต่ก็ทำให้มีความสุขด้วย เจสซิก้าบอกว่า “พูดตามตรงนะคะ ช่วงที่คบกันเป็นช่วงที่ยุ่งมาก ๆ แต่ก็คุ้มค่ามากที่ได้ใช้เวลาและกำลังเพื่อจะรู้จักกันจริง ๆ” ถ้าคุณกำลังมีแฟนก็ให้พยายามต่อ ๆ ไปเพื่อจะรู้จักกันให้มากขึ้น ถ้าทำแบบนี้ การคบกันเป็นแฟนจะช่วยให้คุณทั้งสองคนตัดสินใจได้อย่างฉลาด
เพลง 49 ทำให้พระยะโฮวาดีใจ
a บางชื่อเป็นชื่อสมมุติ
b สำหรับคำถามที่มากขึ้น ดูที่หนังสือ คำถามที่หนุ่มสาวถาม—คำตอบที่ได้ผล เล่ม 2 น. 39-40
c การลูบคลำอวัยวะเพศของอีกฝ่ายเป็นรูปแบบหนึ่งของการทำผิดศีลธรรมทางเพศ ซึ่งหากเกิดขึ้น คณะผู้ดูแลจะต้องตั้งคณะกรรมการตัดสินความ นอกจากนั้น การลูบคลำหน้าอกหรือการพูดคุยเรื่องผิดศีลธรรมโดยทางโทรศัพท์หรือส่งข้อความก็อาจส่งผลให้มีการตัดสินความด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานการณ์
d สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ดูบทความ “คำถามจากผู้อ่าน” ในหอสังเกตการณ์ 15 สิงหาคม 1999