“คอยให้กำลังใจกันทุก ๆ วัน”
“พวกคุณมีอะไรจะพูดให้กำลังใจประชาชนหน่อยไหม?”—กจ. 13:15
1, 2. ทำไมเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะให้กำลังใจคนอื่น?
คริสตินา [1] พี่น้องหญิงอายุ 18 ปีเล่าว่า “พ่อแม่ของฉันแทบไม่เคยให้กำลังใจฉันเลย เอาแต่ว่าฉันตลอด พวกเขาชอบพูดให้ฉันเจ็บ พวกเขาบอกว่าฉันไม่โตสักที ไม่ได้เรื่อง แถมยังอ้วนเป็นหมู ฉันเลยไม่อยากคุยกับพวกเขา ฉันร้องไห้บ่อย ๆ และรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า” เราเห็นจากตัวอย่างนี้จริง ๆ ว่าชีวิตมันไม่ง่ายเลยถ้าขาดกำลังใจ
2 ในทางกลับกัน ลองคิดดูว่าเราจะช่วยคนอื่นได้มากขนาดไหนถ้าเราให้กำลังใจเขา รูเบนบอกว่า “ผมต้องสู้กับความรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่ามาเป็นเวลานานหลายปี แต่ครั้งหนึ่งตอนที่ผมประกาศกับผู้ดูแล เขารู้ว่าช่วงนี้ผมต้องเจอแต่เรื่องแย่ ๆ พอผมระบายความรู้สึกออกมา เขาก็ฟังอย่างเห็นอกเห็นใจแล้วก็ชวนให้ผมคิดถึงสิ่งดีหลายอย่างที่ผมทำ เขายังเตือนให้ผมคิดถึงคำพูดของพระเยซูที่บอกว่า พวกเราทุกคนมีค่ามากกว่านกกระจอกหลายตัวรวมกันด้วยซ้ำ ผมชอบคิดถึงข้อนี้อยู่บ่อย ๆ เพราะมันโดนใจผมมาก ข้อคัมภีร์นี้ทำให้ผมมีกำลังใจอยู่เสมอ คำพูดของผู้ดูแลคนนั้นช่วยผมให้ฮึดสู้ต่อไป”—มธ. 10:31
3. (ก) อัครสาวกเปาโลพูดอย่างไรเกี่ยวกับการให้กำลังใจคนอื่น? (ข) ในบทความนี้เราจะคุยกันเรื่องอะไร?
3 คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าเราทุกคนต้องให้กำลังใจกันเสมอ อัครสาวกเปาโลเขียนถึงคริสเตียนชาวฮีบรูว่า “พี่น้องครับ ระวังให้ดี อย่าให้ใครในพวกคุณมีใจชั่วที่ขาดความเชื่อโดยตีตัวออกห่างจากพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ แต่คอยให้กำลังใจกันทุก ๆ วัน” แล้วเปาโลก็อธิบายเหตุผลที่พวกเขาควรให้กำลังใจกันว่า “เพื่อจะไม่มีใครในพวกคุณกลายเป็นคนดื้อด้านเพราะแรงชักจูงของบาป” (ฮบ. 3:12, 13) ถ้าคุณคิดถึงความรู้สึกตอนที่มีคนมาให้กำลังใจคุณ คุณก็จะรู้ว่าการให้กำลังใจคนอื่นนั้นสำคัญขนาดไหน ตอนนี้ขอเราคุยกันเกี่ยวกับคำถามต่าง ๆ เช่น ทำไมเราต้องให้กำลังใจพี่น้อง? เราได้เรียนอะไรจากวิธีที่พระยะโฮวา พระเยซู และเปาโลให้กำลังใจคนอื่น? และเราจะให้กำลังใจกันได้อย่างไร?
เราทุกคนต้องการกำลังใจ
4. ใครบ้างที่ต้องการกำลังใจ? และทำไมผู้คนส่วนใหญ่ในทุกวันนี้ไม่ให้กำลังใจคนอื่น?
4 เราทุกคนต้องการกำลังใจ และเป็นเรื่องสำคัญมากที่พ่อแม่ต้องให้กำลังใจลูก ครูคนหนึ่งที่ชื่อทิโมธี อีแวนส์ อธิบายว่าเด็ก ๆ “ต้องการกำลังใจเหมือนกับต้นไม้ที่ต้องการน้ำ” เขายังบอกอีกว่า “ถ้าเด็กได้กำลังใจ พวกเขาก็จะรู้สึกว่าตัวเองมีความหมายและมีค่า” แต่เนื่องจากเราทุกคนมีชีวิตอยู่ใน “สมัยสุดท้าย” ผู้คนส่วนใหญ่เห็นแก่ตัวและ “ไม่รักญาติพี่น้อง” หรือคนในครอบครัว จึงไม่ค่อยมีการให้กำลังใจกัน (2 ทธ. 3:1-5) พ่อแม่หลายคนไม่ได้ให้กำลังใจลูกเพราะตอนเด็ก ๆ พวกเขาก็ไม่เคยได้รับกำลังใจจากพ่อแม่ของเขาเหมือนกัน ที่จริง แม้แต่ผู้ใหญ่ก็ต้องการกำลังใจด้วย แต่ก็ไม่ค่อยมีใครให้กำลังใจเขา ตัวอย่างเช่น หลายคนบ่นว่าพวกเขาไม่เคยได้รับคำชมจากคนที่ทำงานเลย
5. เราจะให้กำลังใจคนอื่นได้อย่างไร?
5 เราสามารถให้กำลังใจคนอื่นได้โดยชมเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาทำได้ดี บอกว่าพวกเขามีคุณลักษณะที่ดีอะไรบ้าง และถ้าพวกเขาทุกข์ใจหรือท้อแท้เราก็คอยปลอบพวกเขา (1 ธส. 5:14) เนื่องจากเรามักใช้เวลาอยู่กับพี่น้อง เราจึงมีโอกาสมากมายที่จะพูดให้กำลังใจพวกเขา (อ่านปัญญาจารย์ 4:9, 10) ขอให้ถามตัวเองว่า ‘ฉันได้บอกคนอื่นไหมว่าฉันเห็นค่าและรักพวกเขา? และฉันทำอย่างนั้นทุกครั้งที่มีโอกาสไหม?’ ลองคิดถึงสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลบอกไว้ว่า “คำพูดที่ถูกกาลเทศะก็ดีจริง ๆ”—สภษ. 15:23
6. ทำไมซาตานอยากให้ผู้รับใช้ของพระเจ้าท้อแท้หมดกำลังใจ? ขอยกตัวอย่างว่าซาตานทำอะไร
6 สุภาษิต 24:10 บอกว่า “ถ้าคุณท้อแท้ในวันที่ทุกข์ลำบาก กำลังเรี่ยวแรงของคุณก็จะน้อย” ซาตานรู้ดีว่าถ้ามันทำให้เราท้อแท้หมดกำลังใจ ความสัมพันธ์ที่เรามีกับพระยะโฮวาก็อาจจะแย่ลง ซาตานพยายามทำให้โยบท้อแท้ โดยทำให้เขาเจอปัญหาหนักทั้งทางร่างกายและจิตใจ แต่แผนการของมันก็ล้มเหลว เพราะโยบยังรักษาความซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวาอยู่เสมอ (โยบ 2:3; 22:3; 27:5) พวกเราก็เหมือนกัน เราสามารถต่อสู้กับซาตานและชนะมันได้ ทั้งเรากับครอบครัวและพี่น้องในประชาคมจะมีความสุขและสนิทกับพระยะโฮวา ถ้าเราให้กำลังใจพวกเขาต่อ ๆ ไป
ตัวอย่างที่เราเลียนแบบได้
7, 8. (ก) พระยะโฮวาให้กำลังใจคนอื่นอย่างไร? (ข) พ่อแม่จะเลียนแบบตัวอย่างของพระยะโฮวาได้อย่างไร? (ดูภาพแรก)
7 พระยะโฮวาให้กำลังใจผู้รับใช้ของพระองค์ ผู้เขียนหนังสือสดุดีบอกไว้ว่า “พระยะโฮวาอยู่ใกล้คนที่หัวใจแตกสลาย พระองค์คอยช่วยคนที่ท้อใจ” (สด. 34:18, เชิงอรรถ) ตอนที่ผู้พยากรณ์เยเรมีย์กลัวและท้อแท้ พระยะโฮวาช่วยให้เขามั่นใจมากขึ้นโดยสัญญาว่าจะช่วยเขา (ยรม. 1:6-10) ตอนที่ดาเนียลอายุมาก พระยะโฮวาก็ส่งทูตสวรรค์ไปให้กำลังใจและบอกว่าเขา “มีค่ามาก” (ดนล. 10:8, 11, 18, 19) คุณจะให้กำลังใจพี่น้องแบบเดียวกันนี้ได้ไหม รวมทั้งพี่น้องไพโอเนียร์และพี่น้องที่อายุมากซึ่งไม่สามารถรับใช้พระเจ้าได้เหมือนก่อน?
8 ถึงแม้ว่าพระยะโฮวาและพระเยซูอยู่ด้วยกันมานานมาก แต่พระยะโฮวาก็ไม่ได้คิดว่าไม่จำเป็นต้องชมหรือให้กำลังใจพระเยซูตอนที่อยู่บนโลก เช่น ตอนที่พระเยซูเริ่มงานประกาศและในปีสุดท้ายที่ท่านอยู่บนโลก พระยะโฮวาพูดลงมาจากสวรรค์ให้พระเยซูได้ยิน ทั้งสองครั้งพระยะโฮวาบอกว่า “นี่คือลูกรักของเรา เราพอใจในตัวเขามาก” (มธ. 3:17; 17:5) พระเยซูต้องได้กำลังใจมากแน่ ๆ ที่ได้ยินพ่อบอกว่ารักและภูมิใจในตัวท่าน นอกจากนั้น ในคืนก่อนที่พระเยซูจะตาย ท่านเครียดมาก พระยะโฮวาก็ให้กำลังใจท่านโดยส่งทูตสวรรค์มาให้กำลังใจและช่วยให้ท่านรู้สึกดีขึ้น (ลก. 22:43) คุณที่เป็นพ่อแม่ คุณสามารถเลียนแบบตัวอย่างของพระยะโฮวาได้โดยให้กำลังใจลูกเสมอ เมื่อลูกทำอะไรดี ๆ ก็ชมเขา และถ้าเขาเจอปัญหาหรือการทดสอบที่โรงเรียน คุณก็ต้องให้กำลังใจเขาเป็นพิเศษและทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อช่วยเขาให้อดทน
9. เราได้เรียนอะไรจากวิธีที่พระเยซูทำกับพวกอัครสาวก?
9 พระเยซูก็เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับเรา คืนก่อนที่ท่านจะตาย พระเยซูล้างเท้าให้พวกอัครสาวกและบอกให้พวกเขารู้ว่าการเป็นคนถ่อมตัวนั้นสำคัญมาก แต่พวกอัครสาวกกลับไม่ถ่อมและเถียงกันว่าใครจะเป็นใหญ่ที่สุด ส่วนเปโตรก็คุยโม้ว่าจะไม่มีวันทิ้งพระเยซู (ลก. 22:24, 33, 34) ถึงจะเป็นอย่างนั้น พระเยซูก็ไม่ได้มองที่ข้อเสียของพวกเขา แต่ท่านกลับชมพวกเขาที่ยังอยู่เคียงข้างท่านเสมอ และสัญญากับพวกเขาด้วยว่าพวกเขาจะทำงานที่ยิ่งใหญ่กว่าท่าน นอกจากนั้น พระเยซูยังบอกให้พวกเขามั่นใจว่าพระยะโฮวารักพวกเขา (ลก. 22:28; ยน. 14:12; 16:27) จากตัวอย่างของพระเยซู เราก็น่าจะถามตัวเองว่า ‘ฉันเลียนแบบพระเยซูไหมโดยชมคนอื่นเกี่ยวกับคุณลักษณะที่ดีของพวกเขา แทนที่จะมองแต่ข้อเสียของพวกเขา?’
10, 11. เปาโลแสดงให้เห็นอย่างไรว่าเป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ ที่จะให้กำลังใจคนอื่น?
10 อัครสาวกเปาโลชอบพูดถึงเรื่องดี ๆ ของพี่น้อง เปาโลเดินทางกับพี่น้องบางคนหลายปีจนรู้จักพวกเขาเป็นอย่างดีรวมทั้งรู้ข้อเสียของพวกเขาด้วย แต่แทนที่เปาโลจะพูดถึงข้อเสียของพี่น้อง เขากลับพูดถึงข้อดีของพวกเขา ตัวอย่างเช่น เมื่อพูดถึงทิโมธี เปาโลบอกว่าเขาเป็น “ลูกรักของผมและซื่อสัตย์ในการรับใช้ผู้เป็นนาย” เปาโลมั่นใจว่าทิโมธีจะสนใจและเป็นห่วงคนอื่น (1 คร. 4:17; ฟป. 2:19, 20) นอกจากนั้น เปาโลบอกพี่น้องในประชาคมโครินธ์ว่าทิตัสเป็น “เพื่อนร่วมรับใช้ของผมและทำงานเพื่อประโยชน์ของพวกคุณ” (2 คร. 8:23) ทั้งทิโมธีและทิตัสต้องได้กำลังใจแน่ ๆ ที่ได้รู้ว่าเปาโลคิดอย่างไรกับพวกเขา
11 เปาโลและบาร์นาบัสเพื่อนของเขาเสี่ยงชีวิตเพื่อให้กำลังใจพี่น้อง ตัวอย่างเช่น พวกเขารู้ว่ามีผู้คนจำนวนมากในเมืองลิสตราอยากจะฆ่าเขา แต่พวกเขาก็ยังกลับไปที่นั่นเพื่อให้กำลังใจและช่วยพวกสาวกใหม่ให้ซื่อสัตย์ต่อพระยะโฮวา (กจ. 14:19-22) หลังจากนั้นในเมืองเอเฟซัส ทั้ง ๆ ที่มีกลุ่มคนที่โกรธและอยากจะทำร้ายเปาโล แต่เขาก็ยังใช้เวลาอยู่ที่นั่นมากพอที่จะให้กำลังใจพี่น้อง กิจการ 20:1, 2 บอกว่า “เปาโลก็ส่งคนไปตามพวกสาวกมา เมื่อให้กำลังใจและบอกลาพวกเขาแล้ว เปาโลก็ เดินทางไปที่แคว้นมาซิโดเนีย เปาโลเดินทางไปตามเขตต่าง ๆ ในแคว้นนี้และพูดให้กำลังใจพวกสาวกที่นั่นหลายอย่าง แล้วก็ไปที่กรีซ”
ให้กำลังใจกัน
12. ทำไมจึงดีที่จะไปประชุม?
12 พระยะโฮวาอยากให้เราได้รับสิ่งที่ดีที่สุด พระองค์ถึงบอกให้เราประชุมกันเป็นประจำ เพราะที่นั่นเราได้เรียนเกี่ยวกับพระองค์และได้ให้กำลังใจกัน (1 คร. 14:31; อ่านฮีบรู 10:24, 25) คริสตินาที่พูดถึงตอนต้นของบทความเล่าว่า “สิ่งที่ฉันชอบที่สุดเกี่ยวกับการประชุมก็คือ ความรักและกำลังใจที่ฉันได้รับ บางครั้งก่อนไปประชุมฉันรู้สึกแย่ ๆ แต่พอมาถึงหอประชุม พี่น้องหญิงหลายคนเข้ามาหาฉัน กอดฉัน และชมฉันว่า ‘วันนี้สวยจังเลย’ พวกเขาบอกว่ารักฉันและดีใจที่ได้เห็นว่าฉันกำลังก้าวหน้า การให้กำลังใจอย่างนี้ทำให้ฉันรู้สึกดีมากเลยค่ะ” เห็นได้ชัดว่า เป็นเรื่องสำคัญมากที่เราทุกคนต้องให้กำลังใจคนอื่น—รม. 1:11, 12
13. ทำไมคนที่รับใช้พระยะโฮวามานานก็ยังต้องการกำลังใจ?
13 คนที่รับใช้พระยะโฮวามานานก็ต้องการกำลังใจด้วยเหมือนกัน ลองคิดถึงโยชูวา ตอนที่ชาวอิสราเอลกำลังจะเข้าไปในแผ่นดินที่พระยะโฮวาสัญญา พระองค์เลือกโยชูวาให้นำหน้าพวกเขา แต่ถึงแม้ว่าโยชูวาจะรับใช้พระยะโฮวามานานหลายปี พระองค์ก็ยังบอกให้โมเสสให้กำลังใจโยชูวา พระยะโฮวาบอกว่า “ให้แต่งตั้งโยชูวาขึ้นมาแทนเจ้าและให้กำลังใจเขา ช่วยเขาให้เข้มแข็ง เพราะเขาจะเป็นคนนำประชาชนพวกนี้ข้ามแม่น้ำไป เขาจะช่วยให้ประชาชนครอบครองแผ่นดินซึ่งเจ้าจะได้เห็นนั้น” (ฉธบ. 3:27, 28) โยชูวาต้องการกำลังใจ เพราะหลังจากนั้นชาติอิสราเอลจะต้องทำสงครามหลายครั้ง และแพ้สงครามอย่างน้อยหนึ่งครั้งด้วย (ยชว. 7:1-9) ในทุกวันนี้ เราสามารถให้กำลังใจผู้ดูแลในประชาคมและผู้ดูแลหมวด เพราะพวกเขาทำงานหนักเพื่อดูแลผู้รับใช้ของพระเจ้า (อ่าน 1 เธสะโลนิกา 5:12, 13) ผู้ดูแลหมวดคนหนึ่งบอกว่า “บางครั้งพี่น้องเขียนจดหมายให้กำลังใจเรา พวกเขาบอกว่าชอบการเยี่ยมของเรามาก เราเก็บจดหมายขอบคุณพวกนั้นไว้ และพอวันที่เรารู้สึกท้อ เราก็จะหยิบมันขึ้นมาอ่าน จดหมายพวกนั้นให้กำลังใจเราจริง ๆ”
ถ้าเราให้กำลังใจลูก เราก็ช่วยเขาให้สนิทกับพระยะโฮวามากขึ้น (ดูข้อ 14)
14. มีตัวอย่างอะไรบ้างที่ช่วยเราให้รู้ว่าเราต้องชมเชยคนอื่นตอนที่เราสอนหรือแนะนำพวกเขา?
14 ครั้งหนึ่ง อัครสาวกเปาโลแนะนำพี่น้องในเมืองโครินธ์ พอพวกเขาทำตาม เปาโลก็ชมเชยพวกเขา คำพูดของเปาโลคงช่วยให้พวกเขามีกำลังใจที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องต่อไปแน่ ๆ (2 คร. 7:8-11) ในทุกวันนี้ พวกผู้ดูแลและพ่อแม่สามารถเลียนแบบเปาโลได้ อันเดรียสพี่น้องที่มีลูก 2 คนเล่าว่า “การให้กำลังใจช่วยลูก ๆ ให้มีความเชื่อและ ใกล้ชิดกับพระยะโฮวามากขึ้น และช่วยพวกเขาให้โตเป็นผู้ใหญ่ ถ้าคุณสอนลูกโดยให้กำลังใจไปด้วย คุณก็กำลังกระตุ้นลูกให้ทำตามสิ่งที่คุณสอน ถึงแม้ลูก ๆ จะรู้ว่าอะไรถูก แต่เพื่อพวกเขาจะทำสิ่งที่ถูกต้องในชีวิต เราต้องให้กำลังใจพวกเขาอยู่เรื่อย ๆ”
คุณจะให้กำลังใจคนอื่นอย่างไร?
15. อะไรเป็นวิธีหนึ่งที่เราจะให้กำลังใจคนอื่นได้?
15 บอกพี่น้องว่าคุณเห็นค่าความพยายามและคุณลักษณะที่ดีของเขา (2 พศ. 16:9; โยบ 1:8) การทำอย่างนี้เป็นการเลียนแบบพระยะโฮวาและพระเยซู พระองค์ทั้งสองเห็นค่าทุกสิ่งที่เราทำเพื่อพระองค์ ถึงแม้เราอาจทำไม่ได้มากอย่างที่อยากจะทำ (อ่านลูกา 21:1-4; 2 โครินธ์ 8:12) ดังนั้น เราก็น่าจะคิดถึงพี่น้องคนอื่นด้วย ตัวอย่างเช่น เรารู้ว่าพี่น้องสูงอายุที่น่ารักของพวกเราต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะมาประชุมและไปประกาศเป็นประจำ เราได้ชมและให้กำลังใจพวกเขาไหม?
16. เราควรให้กำลังใจคนอื่นเมื่อไร?
16 ให้กำลังใจคนอื่นทุกครั้งที่ทำได้ เมื่อไรที่คุณสังเกตว่าคนอื่นทำอะไรดี ๆ ก็อย่าลืมชมเขา ตอนที่เปาโลกับบาร์นาบัสอยู่ที่เมืองอันทิโอก แคว้นปิสิเดีย พวกหัวหน้าที่ประชุมของชาวยิวบอกพวกเขาว่า “พี่น้อง พวกคุณมีอะไรจะพูดให้กำลังใจประชาชนหน่อยไหม?” เปาโลจึงใช้โอกาสนั้นพูดให้กำลังใจผู้คนที่นั่น (กจ. 13:13-16, 42-44) ถ้าเรามีโอกาสที่จะให้กำลังใจคนอื่น ทำไมไม่พูดออกมาล่ะ? ถ้าเราให้กำลังใจคนอื่น พวกเขาก็จะให้กำลังใจเราด้วย—ลก. 6:38
17. อะไรเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะชมคนอื่น?
17 พูดแบบเจาะจงและจริงใจ ตอนที่พระเยซูชมคริสเตียนเมืองธิยาทิรา ท่านพูดแบบเจาะจง ท่านบอกเลยว่าพวกเขาเป็นอย่างไรและทำดีอะไรบ้าง (อ่านวิวรณ์ 2:18, 19) เราจะเลียนแบบพระเยซูได้อย่างไร? ถ้าเรารู้จักพี่น้องหญิงที่ต้องเลี้ยงลูกตัวคนเดียว เราอาจจะชมที่เธอพยายามเลี้ยงลูกอย่างดีทั้ง ๆ ที่ไม่ง่าย หรือถ้าคุณเป็นพ่อแม่ คุณก็น่าจะชมลูกที่เขาออกความพยายามที่จะรับใช้พระยะโฮวา บอกลูกว่าคุณเห็นว่าเขาก้าวหน้าอย่างไร ถ้าเราให้กำลังใจคนอื่นโดยพูดอย่างเจาะจง พวกเขาก็จะรู้สึกได้ว่าเราจริงใจและคิดอย่างที่เราพูดจริง ๆ
18, 19. เราจะช่วยกันให้สนิทกับพระยะโฮวาต่อ ๆ ไปได้อย่างไร?
18 พระยะโฮวาบอกให้โมเสสให้กำลังใจโยชูวา ในทุกวันนี้พระยะโฮวาไม่ได้บอกเราว่าต้องไปให้กำลังใจใครบ้าง แต่พระองค์มีความสุขที่เห็นเราออกความพยายามที่จะให้กำลังใจคนอื่น (สภษ. 19:17; ฮบ. 12:12) ตัวอย่างเช่น เราน่าจะบอกพี่น้องที่บรรยายที่ประชาคมเราว่าเราชอบอะไรในคำบรรยายของเขา เราอาจจะบอกเขาว่าคำบรรยายของเขาช่วยให้เรารับมือกับปัญหาที่เราเจอ หรือช่วยให้เราเข้าใจข้อคัมภีร์บางข้อมากขึ้น พี่น้องหญิงคนหนึ่งเขียนจดหมายถึงผู้บรรยายรับเชิญว่า “ถึงเราจะพูดกันไม่กี่คำ คุณก็เข้าใจว่าฉันมีเรื่องหนักใจ คุณให้กำลังใจและช่วยฉันให้สบายใจขึ้น ฉันอยากให้คุณรู้ว่าคำพูดที่ให้กำลังใจของคุณ ทั้งตอนที่คุณคุยกับฉันและตอนที่คุณบรรยาย มันเป็นของขวัญจากพระยะโฮวาจริง ๆ ค่ะ”
19 พวกเราสามารถช่วยกันให้สนิทกับพระยะโฮวาได้ถ้าเราทำตามคำแนะนำของเปาโลที่บอกว่า “ขอให้พวกคุณคอยให้กำลังใจกันและเสริมสร้างกันให้เข้มแข็งเหมือนที่พวกคุณทำอยู่ตอนนี้” (1 ธส. 5:11) ถ้าเรา “คอยให้กำลังใจกันทุก ๆ วัน” เราก็จะทำให้พระยะโฮวามีความสุข
^ [1] (ข้อ 1) บางชื่อเป็นชื่อสมมุติ