หนุ่มสาวถามว่า
ฉันจะควบคุมความโกรธได้อย่างไร?
คำถามทดสอบ
คุณโกรธบ่อยขนาดไหน?
แทบจะไม่โกรธเลย
โกรธเป็นบางครั้ง
โกรธทุกวัน
โกรธมากขนาดไหน?
โกรธนิดหน่อย
โกรธมาก
โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
คุณมักจะโกรธใคร?
พ่อแม่
พี่ ๆ น้อง ๆ
เพื่อน
ถ้าคุณคิดว่าตัวเองต้องควบคุมความโกรธ บทความนี้สามารถช่วยคุณได้! ก่อนอื่นให้เรามาดูว่าจะมีผลดีอะไรบ้างถ้าคุณใจเย็นเมื่อถูกยั่วโมโห
ทำไมเรื่องนี้สำคัญ?
สุขภาพของคุณ หนังสือสุภาษิต 14:30 บอกว่า “ใจที่สงบเป็นความจำเริญชีวิตฝ่ายกาย” นอกจากนี้ วารสารการแพทย์และชีวิต (ภาษาอังกฤษ) ยังบอกด้วยว่า “ความโกรธเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด”
เพื่อนของคุณ คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “อย่าเป็นมิตรกับคนที่มักโกรธหรือไปกับคนขี้โมโห” (สุภาษิต 22:24, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 1971) ดังนั้น ถ้าคุณเป็นคนขี้โมโห ก็ไม่แปลกที่ไม่มีใครอยากคบกับคุณ วัยรุ่นหญิงคนหนึ่งชื่อจัสมินบอกว่า “ถ้าคุณไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ คุณก็จะเสียเพื่อนดี ๆ ไป”
ชื่อเสียงของคุณ เอธานอายุ 17 ปีบอกว่า “ถ้าคุณระเบิดอารมณ์ใคร ๆ ก็จะมองว่าคุณเป็นคนขี้โมโห” ลองถามตัวเองว่า ‘ฉันอยากให้คนอื่นมองว่าฉันเป็นคนใจเย็นรักสันติหรือเป็นคนขี้โมโห’ คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “บุคคลผู้ไม่โกรธเร็วเป็นคนประกอบด้วยความเข้าใจดียิ่ง แต่บุคคลผู้มีใจฉุนเฉียวส่งเสริมความโฉดเขลาให้ยิ่งขึ้น”—สุภาษิต 14:29
สิ่งที่คุณทำได้
ลองพิจารณาข้อคัมภีร์ ฟังความคิดเห็นจากบางคน แล้วก็ถามตัวเอง
สุภาษิต 29:22: “คนเจ้าโมโหทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทกัน และคนเจ้าโทโสก่อการผิดมาก”
“ช่วงเป็นวัยรุ่น ฉันควบคุมอารมณ์โกรธแทบไม่ได้เลย ญาติ ๆ ทางพ่อก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน พวกเราเลยบอกว่ามันเป็นกรรมพันธุ์ พวกเราควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้!”—เครี
ฉันเป็นคนโกรธง่ายไหม? พอมีคนชม ฉันก็ดีใจ แต่พอมีคนต่อว่านิสัยบางอย่างของฉัน ฉันกลับอ้างว่ามาจากกรรมพันธุ์ไหม?
สุภาษิต 15:1: “คำตอบอ่อนหวานกระทำให้ความโกรธผ่านพ้นไป แต่คำขมเผ็ดร้อนกระทำให้โทโสพลุ่งขึ้น”
“เคล็ดลับก็คือฝึกควบคุมอารมณ์ ถ้าคุณสุภาพอ่อนโยนและคิดบวก คุณก็จะไม่โกรธ”—ดาร์เอล
เมื่อถูกยั่วโมโห ทำไมท่าทีของฉันในตอนนั้นจึงสำคัญ?
สุภาษิต 26:20: “ที่ไหนไม่มีฟืน ไฟก็ดับ”
“ถ้าฉันพูดอย่างสุภาพ อีกฝ่ายหนึ่งมักจะใจเย็นลงแล้วเราก็คุยกันดี ๆ ต่อได้โดยไม่ระเบิดอารมณ์ใส่กัน”—จัสมิน
คำพูดหรือท่าทางของฉันเป็นเหมือนการเติมเชื้อเพลิงไหม?
สุภาษิต 22:3: “คนฉลาดมองเห็นภัยแล้วหนีไปซ่อนตัว แต่คนโง่เดินเซ่อไปและก็เป็นอันตราย”
“บางครั้งผมก็เพียงแค่เดินออกไปเพื่อคิดดี ๆ ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พอใจเย็นลงก็ค่อยกลับมาแก้ปัญหา”—แกรี
เดินออกไปตอนไหนจึงจะเหมาะโดยที่ไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าไม่อยากคุยกับเขา?
ยาโกโบ 3:2: “เราต่างพลาดพลั้งกันหลายครั้ง”
“เราควรเสียใจกับเรื่องที่ทำผิดพลาดไป และเรียนรู้จากเหตุการณ์นั้น เมื่อเราล้มก็ต้องลุกและคิดว่าครั้งหน้าจะทำให้ดีกว่านี้”—เครี
ข้อแนะ ลองตั้งเป้าไว้ว่าจะเป็นคนใจเย็นสัก 1 เดือน แล้วจดบันทึกไว้เพื่อดูว่าคุณทำได้มากแค่ไหน